ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยราคา Bitcoin (BTC) ลดลง 0.2% อยู่ที่ US$23,512 และ Ethereum (ETH) ลดลง 0.4% อยู่ที่ US$1,634 โดยภาพรวมการลงทุนได้รับแรงกดดันจากประเด็นเรื่องเหรียญ BUSD (Stablecoin ที่ใหญ่ลำดับ 3 ของโลกและมีกลไกรักษามูลค่าให้เท่ากับ 1 USD) อีกครั้ง ภายหลังจากที่ Coinbase (Exchange ลำดับที่ 2 ของโลก) ประกาศ Delist เหรียญ BUSD โดยให้เหตุผลว่าไม่ผ่านในเรื่องของ Listing standard สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมจากที่ก่อนหน้านี้ทาง Paxos (ผู้ออกเหรียญ BUSD) ได้มีการออกมาประกาศหยุดสร้างเหรียญเพิ่ม ดัชนี NASDAQ ปิดบวกได้ที่ 0.6% Crypto Greed & Fear index เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 53 จาก 50 อยู่ที่ระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• มีการทำ Survey ของทาง Coinbase โดยระบุว่าจากการสำรวจชาว American ที่เป็นผู้ใหญ่กว่า 2,000 คน 20% ของผู้สำรวจมีการถือครอง Cryptocurrency รวมถึงให้เหตุผลที่ถือครองบนความเชื่อที่ว่า Blockchain technology คืออนาคต และยังมีการพูดถึงว่าระบบการเงินทุกวันนี้ไม่ยุติธรรม ยังมีอีกการสำรวจของทาง Bitget, Foresight Ventures และ Boston Consulting Group (BCG) ว่า ณ ปัจจุบัน Crypto adoption ยังถือว่ายังอยู่ในช่วงแรกเริ่มมากๆเนื่องจากนักลงทุนปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนใน Cryptocurrency เพียง 0.3% เท่านั้น (ที่มา: Cryptopotato)
• ภายหลังจากที่เกิดกรณี FTX เมื่อปีที่แล้วทำให้มีคนออกมาพูดว่านักลงทุนอาจจะออกไปซื้อขายบน Decentralized exchange (DEX) แทน แต่จากตัวเลขล่าสุดที่ออกมานั้นจะเห็นได้ว่าในส่วนของปริมาณการซื้อขายของ Coinbase นั้นยังมีมากกว่าในส่วนของ Uniswap ซึ่งสิ่งนี้คล้ายคลึงกับที่ทาง INVX ได้มีการเขียนใน Yearbook 2023 ว่าเรามีความเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วนั้น Centralized exchange ก็ยังคงเป็น Platform ที่นักลงทุนซื้อขายมากกว่า DEX (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมายังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ลดลง 1.6% อยู่ที่ US$23,552 และ Ethereum (ETH) ลดลงเช่นกันที่ 0.5% อยู่ที่ US$1,640 โดยภาพตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ตัวเลข Core PCE ของประเทศสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักการประชุม Fed ในเดือนมีนาคมว่าอาจจะปรับขึ้น 50bps สูงขึ้น ประกอบกับ Bond yield 10 ปีของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ดัชนี NASDAQ เมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลง 1.7% Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงเช่นกันอยู่ที่ 50 จาก 53 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• BTC funding rate ยังคงอยู่ในแดนบวกได้อย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าราคา BTC ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นการปรับตัวลดลงมา แสดงให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนที่ยังคงเป็นบวกในภาพระยะกลางอย่างต่อเนื่อง โดยการที่ Funding rate เป็นบวกนั้นแสดงให้เห็นถึงการที่นักลงทุนมี Long position มากกว่า Short (ที่มา: Coinglass)
• ทาง SEC ของประเทศสหรัฐได้มีการออกมาพูดว่ามีเพียงแค่ BTC เท่านั้นที่ไม่ใช่หลักทรัพย์ ในส่วนของเหรียญอื่นๆนั้นถือว่าเป็นหลักทรัพย์ทั้งหมด และได้มีการออกมาเตือนนักลงทุนว่าหลายๆเหรียญนั้นจะไม่สามารถอยู่ได้ในระยะยาวแต่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นเหรียญไหน แต่จากคำพูดนี้ตีความได้ว่าอาจจะมีแรงกดดันด้าน Regulation อื่นๆตามออกมาอีก (ที่มา: Crypto-news-flash)
• ประเทศ Indonesia เตรียมที่จะเปิดให้บริการ Crypto exchange ของประเทศโดยมีรัฐบาลหนุนหลังแต่จะให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดการ โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2023 โดยสาเหตุหลักของการจัดตั้งขึ้นมานั้นเนื่องจากต้องการป้องกันปัญหาเรื่องการที่นักลงทุนอาจจะถูกหลอกลวงทำให้เสียหาย หรือการรักษาสินทรัพย์ไม่ถูกต้อง (ที่มา: Cryptonews)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.1% อยู่ที่ US$23,932 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ US$1,649 นักลงทุนยังคง Wait and see เพื่อรอดูตัวเลข Core PCE เดือนมกราคมของประเทศสหรัฐที่จะมีการประกาศในวันนี้ว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมามีประเด็นความกังวลเกี่ยวกับ Regulation ที่ประเทศสหรัฐอีกครั้ง ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% โดยมีประเด็นบวกเฉพาะตัวบนหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา Crypto Greed & Fear index ลดลงอยู่ที่ 53 จาก 56 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• นักลงทุนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับ Regulatory risk อีกครั้งภายหลังจากที่ SEC ของประเทศสหรัฐคัดค้านเรื่องการเข้าซื้อกิจการ Voyager (Platform ซื้อขาย Cryptocurrency ที่ได้มีการยื่นขอล้มละลายไปเมื่อปี 2022) ของทาง Binance.US โดยตั้งแต่ต้นปี 2023 Kraken ได้มีการหยุดให้บริการ Staking Paxos หยุดออกเหรียญ BUSD เพิ่ม ซึ่งเป็นผลพวกมาจากการที่ SEC มองว่าเป็นการทำผิดกฎ (ที่มา: Coindesk)
• เริ่มเห็นความสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างราคา BTC กับดัชนีหุ้นสหรัฐไม่ว่าจะเป็น S&P 500 หรือ NASDAQ ที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ความสัมพันธ์ตรงนี้กลับไปเพิ่มมากขึ้นกับดัชนีหุ้นประเทศจีน (Shanghai composite index) ซึ่งก็มีการตีความออกมาว่าอาจจะเกิดจากภายหลังที่แนวโน้มเศรษฐกิจจีนดูดีขึ้นภายหลังการเปิดประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินของนักลงทุนชาวจีนไหลเข้ามาลงทุนใน Cryptocurrency ที่มากขึ้น (ที่มา: Siamblockchain)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1% อยู่ที่ US$24,198 และ Ethereum (ETH) ลดลง 0.9% อยู่ที่ US$1,644 โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา Fed minute ส่งสัญญาณว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะยังมีอย่างต่อเนื่องเพื่อกดเงินเฟ้อให้ลง แต่ในเชิงของนักลงทุนนั้นได้มีการคาดหวังอยู่แล้วว่า Statement น่าจะออกมาในรูปแบบนี้ทำให้การแกว่งตัวของราคาอยู่ในกรอบแคบ พร้อมกับ Bond yield ของสหรัฐไม่ได้มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อ ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 0.1% โดยวันนี้เองนักลงทุนต้องติดตามตัวเลข Core PCE ว่าจะมีทิศทางอย่างไร Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 56 จาก 59 อยู่ที่ระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Binance จับมือกับบริษัท Payment ชื่อ Ingenico ในการที่จะสามารถนำ Cryptocurrency มาชำระค่าสินค้าได้ โดยจะเริ่มต้นในประเทศฝรั่งเศส โดยรองรับกว่า 50 Cryptocurrencies โดยร้านค้าสามารถเลือกที่จะรับเป็น Crypto หรือ Fiat ก็ได้ โดยปัจจุบัน Ingenica มีให้บริการทั้งหมด 37 ประเทศ (ที่มา: Binance)
• ประเทศ Canada ได้มีการออกกฎเพิ่มเติมสำหรับ Crypto exchange ว่าต้องมีการเก็บทรัพย์สินของลูกค้าแยกออกมาจากของบริษัท รวมถึงไม่สามารถให้บริการทางด้าน Margin หรือ leverage ให้กับลูกค้าได้ รวมถึงต้องรับอนุญาตจาก Regulator ก่อนที่จะอนุญาตให้ลูกค้าสามารถ ซื้อขาย Stablecoin ได้ (ที่มา: Yahoo finance)
• เริ่มมีการพูดถึง Strategy การลงทุนแบบ Short BTC และ Long ETH มากขึ้นภายหลังจากที่ราคา BTC ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวดีขึ้นกว่า ETH ประกอบกับตัวเลขจากทาง Glassnode ล่าสุดเริ่มเห็นปริมาณเหรียญ BTC ไหลเข้าไปที่ Exchange และ ETH จะเป็นภาพของการไหลออก (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมากลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.5% อยู่ที่ US$24,449 และ Ethereum (ETH) ลดลง 2.5% อยู่ที่ US$1,659 โดยนักลงทุนทยอยลดความเสี่ยงเพื่อรอดู Fed minute ที่จะมีการรายงานในคืนวันนี้ ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณที่นักลงทุนคาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกทั้งหมด 3 ครั้งจนถึงเดือนมิถุนายน ทำให้ Bond yield 10 ปี ของสหรัฐกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 4% ทำให้ดัชนี NASDAQ ลดลง 2.5% เมื่อคืนที่ผ่านมา Crypto Greed & Fear index ลดลงอยู่ที่ 59 จาก 60 ยังคงอยู่ที่ระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• มีการรายงานจากทาง Bloomberg ว่าการที่ฮ่องกงกำลังออกกฎเกณฑ์ต่างๆเกี่ยวกับ Crypto business รวมถึงการที่จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนได้ (คาดว่าจะเป็นวันที่ 1 มิถุนายนนี้) เกิดจากการที่ประเทศจีนนั้นหนุนหลังอยู่ โดยอาจจะมองว่าเป็นการทดลอง Pilot project ที่ฮ่องกง (ที่มา: Cryptopotato)
• มีการเริ่มออกมาพูดอีกครั้งว่า Shanghai upgrade ของ Ethereum ในเดือนมีนาคมจะสร้างความผันผวนของราคามากกว่า The Merge เนื่องจากครั้งที่แล้วเป็นเหมือนการปรับเปลี่ยน Technology แต่ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงของ Supply และ Demand ในระยะสั้นและยาวเนื่องจากเป็นการเปิดให้ถอนเหรียญที่มีการฝากไว้เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบระบบได้ รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าผลตอบแทนของผู้ฝากเหรียญอาจจะลดลง (ที่มา: Coindesk)
• ทาง EU ได้มีการตั้ง Deadline ว่าภายในเดือน มกราคม 2025 ว่าต้องได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องเงินทุนสำรองของธนาคารที่มีการให้บริการหรือถือครอง Cryptocurrency (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) เพิ่มขื้น 2.2% อยู่ที่ US$24,838 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 1.8% อยู่ที่ US$1,704 ถือเป็นการจุดสูงสุดใหม่ของปีอีกครั้ง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการแต่ในส่วนของภาพการลงทุนใน Cryptocurrency ได้รับแรงหนุนจากการที่ Bond yield สหรัฐปรับตัวลดลงเล็กน้อย รวมถึงในส่วนของ BTC funding rate ยังคงยืนแดนบวกได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในส่วนของ Crypto Greed & Fear index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 60 จาก 58 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Financial stability board หรือหน่วยงานระหว่างประเทศที่คอยตรวจสอบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบการเงินทั่วโลกที่จัดตั้งโดยกลุ่ม G20 ได้มีการออกมาพูดว่า Stablecoin หลายๆเหรียญที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ยังไม่ผ่านมาตรฐานที่ทางหน่วยงานเตรียมที่จะออกมาในช่วงกลางปี 2023 (ที่มา: Coindesk)
• ฮ่องกงเตรียมที่จะทวงคืนความเป็น Financial hub ของเอเชียโดยพิจารณาว่าควรที่จะเปิดให้นักลงทุนรายย่อยสามารถที่จะซื้อขาย Cryptocurrency ได้หรือไม่ โดยเหรียญที่จะอนุญาตให้ซื้อขายได้ต้องผ่านสิ่งที่เรียกว่า “Eligible large-cap virtual asset” รวมถึงจะมีแผนที่จะออกกฎควบคุม Stablecoin ในช่วงกลางปีนี้ด้วยเช่นกัน (ที่มา: Coindesk)
• มีข่าวออกมาว่าทาง Zipmex หนึ่งใน Crypto exchange ที่มีการให้บริการอยู่ในหลายประเทศโซนเอเชีย เตรียมที่จะกลับมาให้ลูกค้าถอนเงินได้อีกครั้ง แต่ต้องเกิดภายหลังจากที่ดีลระหว่างบริษัทกับทาง Venture capital นั้นได้มีการเซ็นต์สัญญาได้ข้อสรุปเสียก่อน (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมากลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% อยู่ที่ US$24,362 และ Ethereum (ETH) 2.9% อยู่ที่ US$1,684 โดยตลาดมีความผันผวนค่อนข้างสูงถึงแม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องนโยบายทางการเงินของ Fed อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 0.6% แต่ตลาด Crypto เองได้รับแรงหนุนจากการที่ Bond yield 10 ปีของประเทศสหรัฐปรับตัวลดลง สัปดาห์นี้คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงต่อเนื่องเนื่องจากจะมีการรายงาน Fed minute Core PCE PMI ของประเทศสหรัฐในช่วงกลางสัปดาห์ Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 58 จาก 61 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ Neutral จาก Greed

ประเด็นที่น่าสนใจ

• สัปดาห์ที่แล้ว BTC funding rate อาจจะมีสัญญาณกลับมาติดลบบ้าง แต่ในที่สุดก็กลับมายืนแดนบวกอย่างต่อเนื่องได้อีกครั้งถึงแม้ประเด็นเรื่อง Regulatory risk ยังคงมีอยู่ แสดงให้เห็นถึง Sentiment การลงทุนที่ยังเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยการที่ Funding rate เป็นบวกแสดงให้เห็นถึงการที่นักลงทุนถือ Long position มากกว่า Short (ที่มา: Coinglass)
• บริษัท Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin USDT ที่มี Market cap ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้ และมี Market share กว่า 50% ได้มีการออกมาพูดว่าปี 2022 USDT มีการทำธุรกรรมมูลค่ากว่า US$18.2trn สูงกว่า Mastercard หรือ Visa พร้อมกับระบุว่า 81% ของเงินทุนสำรองจะอยู่ในรูปแบบเงินสดหรือใกล้เคียง และไม่มีการถือครองในส่วนของ Commercial paper แล้ว (ที่มา: Cryptonews)
• ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เตรียมจะทดสอบการใช้งาน CBDC ในเดือนเมษายนนี้ โดยการทดสอบจะเป็นการจำลองการทำธุรกรรมในส่วนของสถาบันทางเงินเอกชนด้วยกัน โดยยังจะไม่นำบุคคลทั่วไปมาทดสอบ (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมากลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยราคา Bitcoin (BTC) ลดลง 3.5% อยู่ที่ US$23,461 และ Ethereum (ETH) ลดลง 2.2% อยู่ที่ US$1,636 โดยหภาพรวมตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ตัวเลข PPI ของประเทศสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาออกมาสูงกว่าตลาดคาดถึงแม้ว่าแนวโน้มจะเริ่มชะลอตัว ทำให้ Bond yield ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับหนึ่งใน Fed member คุณ James Bullard ได้ออกมาพูดว่าการขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 25bps ยังมีความเป็นไปได้ ทำให้ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1.8% เมื่อคืนที่ผ่านมา Crypto Greed & Fear index ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 61 จาก 62 โดยยังคงอยู่ในระดับ Greed

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Binance research ได้มีการออกมาพูดว่าประมาณ 31% ของปริมาณเหรียญ ETH หรือประมาณ 5mn ETH ที่นำไปฝากเพื่อเป็นผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Staking) ตั้งแต่ปี 2020 นั้นมีกำไร โดยสิ่งที่น่าสนใจจากตัวเลขนี้คือว่า ภายหลังการทำ Shanghai Upgrade ที่สามารถให้ผู้ฝากสามารถถอนเหรียญที่นำไปฝากได้นั้น อาจจะไม่ได้มีแรงขายออกมามากนักเนื่องจากปริมาณ Supply ที่มีกำไรไม่ได้มาก โดยปกติปริมาณการซื้อขายของ ETH จะอยู่ที่ประมาณวันละ 7mn ETH (ที่มา: Coindesk)
• บริษัท Circle ผู้ออกเหรียญ Stablecoin USDC (เหรียญ Stablecoin ที่รักษามูลค่าให้เท่ากับ 1 USD และใหญ่เป็นลำดับสองรองจาก USDT) ได้มีการออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ออกมาว่าทางบริษัทได้รับการแจ้งเตือนจากทาง SEC ว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมาย ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการกับทาง Paxos (ผู้ออกเหรียญ BUSD) (ที่มา: Cryptopotato)
• คุณ Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ได้มีการออกมาพูดว่าประเทศสหรัฐอาจจะสูญเสียความเป็น Financial hub และได้มีการเรียกร้องเรื่องความชัดเจนของกฎเกณฑ์ต่างๆ (ที่มา: Investing.com)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้โดดเด่น โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.4% อยู่ที่ US$24,304 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 7.6% อยู่ที่ US$1,675 โดยราคาของทั้งสองเหรียญได้ทำจุดสูงสุดใหม่ของปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องที่ 0.9% เมื่อคืนที่ผ่านมา และสถานการณ์ของ BUSD ยังสามารถรักษามูลค่าไว้ที่ 1 USD ได้ รวมถึงเริ่มพูดถึงทางออกอื่นๆของ Stablecoin ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลในเรื่อง Regulatory risk ยังคงต้องติดตาม และนโยบายทางการเงินเพิ่มที่อาจจะตึงตัวนานกว่าคาดภายหลังตัวเลข Retail sales ออกมาดีกว่าคาด Crypto Greed & Fear index อยู่ที่ 62 จาก 53 เข้าสู่ระดับ Greed อีกครั้ง

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ราคาเหรียญ Dogecoin (DOGE) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.7% ใน 1 วันที่ผ่านมาภายหลังจากที่คุณ Elon Musk ได้มีการโพสข้อความผ่าน Twitter ส่วนตัวเป็นรูป Logo ของเหรียญ DOGE ว่าเป็น CEO ของ Twitter คนใหม่ โดยเบื้องต้นยังไม่เห็นพัฒนาการด้านอื่นๆในการนำเหรียญ DOGE มาใช้ใน Ecosystem ของ Twitter (ที่มา: Coindesk, Coinmarketcap)
• DBS Bank ได้มีการออกมาเปิดเผยว่าปริมาณการซื้อขาย BTC ในปี 2022 (นับในเชิงจำนวนเหรียญ) เพิ่มขึ้นกว่า 80% YoY บน DBS Digital Exchange โดยปัจจุบัน DBS ให้บริการในส่วนนี้กับลูกค้ากลุ่มที่เป็นนักลงทุนสถาบัน และ High net worth เท่านั้นแสดงให้เห็นถึงความเชื่อในการลงทุนระยะยาวของสินทรัพย์ประเภทนี้ของนักลงทุนชาวสิงคโปร์ (ที่มา: DBS)
• ภายหลังจากประเด็นเรื่อง BUSD ทางคุณ Changpeng Zhao CEO ของ Binance ที่เป็น Exchange ที่ใหญ่สุดในโลกแน่แง่ของปริมาณการซื้อขาย ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอุตสาหกรรมอาจจะมองหา Stablecoin ที่อิงกับค่าเงินของสกุลอื่นบ้าง เช่น Singapore dollar หรือ Japanese Yen เป็นต้น (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ US$21,793 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 0.6% อยู่ที่ US$1,506 ถึงแม้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนี NASDAQ จะสามารถฟื้นตัวได้ที่ 1.5% แต่การลงทุนของตลาด Cryptocurrency ได้รับแรงกดดันจากประเด็นเรื่องที่บริษัท Paxos ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ Stablecoin BUSD ได้ถูกสั่งระงับการออกเหรียญใหม่เพิ่มเติมภายหลังจากที่ SEC ของประเทศสหรัฐตั้งข้อกล่าวหาว่าทำผิดกฎในการเสนอขาย โดยวันนี้เองจะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศสหรัฐ โดยตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% MoM และ 6.2% YoY Crypto Greed & Fear index อยู่ที่ 50 เพิ่มจาก 48 อยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ BNB ซึ่งเป็นหนึ่งใน 26 เหรียญที่มีการซื้อ-ขายบน InnovestX ปรับตัวลดลงกว่า 6.1% ใน 1 วันที่ผ่านมาภายหลังจากประเด็นเรื่องการระงับออกเหรียญ BUSD ซึ่งมีการนำไปใช้ในการจ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบน Binance Smart Chain และเป็นคู่เหรียญสำหรับการซื้อขายบน Binance exchange (ที่มา: Coinmarketcap)
• Funding rate ของ BTC Future เริ่มเห็นสัญญาณกลับมาติดลบเล็กน้อยหลังจากนักลงทุนเริ่มกังวลด้าน Regulatory risk มากขึ้นในกรณีของ Stablecoin BUSD โดยการที่ Funding rate เป็นลบหมายถึงนักลงทุนมีการถือ Short position มากกว่า Long position (ที่มา: Coinglass)
• เหรียญ AXS ซึ่งเป็นเหรียญที่ใช้ในเกมส์ Axie Infinity ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 60% และมีการซื้อขายใน InnovestX ล่าสุดมีรายงานจากทาง Messari ว่าตัวเลข Active users รวมถึง New users ที่เป็นรายเดือนลดลง 30% และ 34% ตามลำดับ แสดงถึงการปรับตัวขึ้นของราคามาจาก Sentiment มากกว่า Fundamental ที่ดูดีขึ้น (ที่มา: The Block, Activeplayer.io)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 0.1% อยู่ที่ US$21,795 และ Ethereum (ETH) ลดลง 1.9% อยู่ที่ US$1,515 โดยภาพรวมการลงทุนยังคงได้รับแรงกดดันจากประเด็นเรื่องนโยบายทางการเงินของ Fed ต่อเนื่องภายหลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ทำให้ Bond yield 10 ปีของสหรัฐกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 0.6% โดยสัปดาห์นี้เองนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อและ Retail sales ของประเทศสหรัฐว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร Crypto Greed & Fear index ทรงตัวที่ 48 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Funding rate ของ BTC ยังคงอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องถึงแม้ว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคา BTC เป็นภาพของการปรับตัวลดลง แสดงให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนที่ยังเป็นบวกอยู่ในระยะกลาง โดยการที่ Funding rate เป็นบวกแสดงให้เห็นถึงการที่นักลงทุนถือ Long position มากกว่า Short (ที่มา: Coinglass)
• มีกระแสข่าวออกมาว่าทาง PayPal ได้มีการถือครอง Cryptocurrency กว่า US$600mn โดยหลักๆจะเป็นการถือ BTC และ ETH แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเป็นการถือครองให้กับทางลูกค้าของทาง PayPal ไม่ได้เป็นการลงทุนเองของบริษัท เนื่องจากบริษัทมีการให้บริการซื้อ-ขาย Cryptocurrency ตั้งแต่ปี 2020 (ที่มา: Coindesk)
• Banco do Brasil ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ได้เปิดให้บริการการรับชำระค่าภาษีโดยใช้ Cryptocurrency ได้ โดยหลักการคือ การนำ Cryptocurrency ของลูกค้ามาแปลงเป็นเงิน Fiat แล้วทำการโอนเข้าไปชำระค่าภาษี (ที่มา: The Block)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 4.9% อยู่ที่ US$21,811 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 6.4% อยู่ที่ US$1,545 ภาพรวมการลงทุนได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของ Bond yield สหรัฐ พร้อมกับ 2-10Yr yield spread ที่ Invert เพิ่มขึ้นกดดันภาพการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด ประกอบกับมีประเด็นความกังวลเรื่อง Regulation เรื่อง Crypto staking service ในประเทศสหรัฐเพิ่มเติมเข้ามา ถึงแม้ว่าตัวเลข Jobless claim จะออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดซึ่งน่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อได้ ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 1% Crypto Greed & Fear index ลดลงอยู่ที่ 48 จาก 55 โดยภาพรวมยังอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Kraken (Crypto exchange) ได้มีการหยุดให้บริการ Crypto staking หรือการรับฝากเหรียญแล้วให้ดอกเบี้ยกับผู้มาฝาก พร้อมกับมีการจ่ายค่าปรับกว่า US$30mn ให้กับ SEC โดยทาง SEC มองว่าการเสนอบริการแบบนี้ให้กับนักลงทุนต้องทำตามกฎของ SEC เพราะเปรียบเสมือนการเสนอขายสัญญาการลงทุนให้กับลูกค้า ทำให้นักลงทุนกังวลในเรื่องความเสี่ยงด้าน Regulation เพิ่มขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา (ที่มา: Coindesk)
• ก.ล.ต. ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องที่ผู้ประกอบการ Cryptocurrency ต้องมีคำเตือนเรื่องความเสี่ยงให้กับนักลงทุน รวมถึงต้องให้ลูกค้ายินยอมรับทราบความเสี่ยงด้วยก่อนใช้บริการและต้องมีข้อมูลการตัดสินใจในการลงทุนอย่างเพียงพอ โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปี 2023 (ที่มา: SEC)
• มีการสำรวจจาก Bank of New York Mellon เกี่ยวกับความสนใจในการลงทุน Digital assets โดย 91% ของลูกค้าที่เป็นนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ โดยเกือบทั้งหมดพูดว่า Tokenization จะมาปฏิวัติธุรกิจบริหารจัดการกองทุน (ที่มา: Cryptonews)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลง โดยราคา Bitcoin (BTC) กลับมาต่ำกว่า US$23,000 อีกครั้งปิดที่ US$22,975 ลดลง 1.2% และ Ethereum (ETH) ลดลง 1.2% อยู่ที่ US$1,652 เมื่อคืนที่ผ่านมาภาพรวมการลงทุนได้รับแรงกดดันจากถ้อยแถลงของสมาชิก Fed ท่านหนึ่งคือคุณ Christopher Waller ได้ออกมาพูดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed จะยังเป็นไปอย่างต่อเนื่องและอาจจะสูงกว่าที่หลายๆฝ่ายคาดไว้ เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ เลยทำให้เกิดแรงขายหุ้นกลุ่ม Tech ลงมาทำให้ดัชนี NASDAQ ปิดลดลง 1.7% Crypto Greed & Fear index ภาพรวมยังอยู่ระดับ Neutral แต่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 58 จาก 56 โดยวันนี้ประเทศสหรัฐจะมีการรายงานตัวเลข Jobless claim

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมากลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยราคา Bitcoin (BTC) ยืนเหนือ US$23,000 ได้อีกครั้งปิดที่ US$23,267 บวกไป 2.2% และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% อยู่ที่ US$1,672 เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่ทางคุณ Jerome Powell ได้มีการออกมาส่งสัญญาณต่อเนื่องว่าเงินเฟ้อยังเห็นแนวโน้มที่ลดลง ถึงแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานจะแข็งแกร่งมาก ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยยังคงต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนมองว่าไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณที่ Hawkish กว่าที่คาดว่าหลังจากตัวเลขการจ้างงานออกมา ทำให้ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.9% Crypto Greed & Fear index ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 58 จาก 54 อยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมายังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ลดลง 0.8% อยู่ที่ US$22,765 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1% อยู่ที่ US$1,616 โดยภาพรวมการลงทุนยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดเมื่อวันศุกร์ ทำให้ Bond yield 10 ปีสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1% โดยวันนี้เองสิ่งที่นักลงทุนจับตาคือถ้อยแถลงของคุณ Powell ว่าจะเป็นอย่างไร จะสามารถทำให้ Bond yield กลับมาปรับตัวลดลงได้หรือไม่ Crypto Greed & Fear index ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 54 จาก 56 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาปรับตัวลดลง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 2.5% อยู่ที่ US$22,959 และ Ethereum (ETH) ลดลง 0.9% อยู่ที่ US$1,632 ภาพรวมการลงทุนได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานของประเทศสหรัฐที่ออกมาสูงกว่าตลาดคาดทำให้นักลงทุนกลับมากังวลประเด็นเรื่องนโยบายทางการเงินอีกครั้ง ประกอบกับหุ้นกลุ่ม Tech ขนาดใหญ่อย่าง Amazon และ Alphabet ปรับตัวลดลงแรงจากผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าคาด กดดันดัชนี NASDAQ ลดลง 1.6% Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 56 จาก 60 ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปิดตัวแบบผสมผสานพร้อมกับความผันผวนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดเนื่องจากมีการรายงานผลประกอบการหุ้นกลุ่ม Tech ขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Apple Amazon และ Alphabet (Google) โดยผลประกอบการที่ออกมาถือว่าต่ำกว่าคาดทั้งสามตัว ส่งผลให้ตลาด Cryptocurrency ปรับตัวลดลงจากช่วงแรกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.7% อยู่ที่ US$23,550 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ US$1,647 ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3% Crypto Greed & Fear index ทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ 60 โดยยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลการประชุม Fed ในส่วนของดอกเบี้ยนั้นขึ้น 25bps ตามที่ตลาดคาดหวังไว้ และยังคงส่งสัญญาณที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อกดตัวเลขเงินเฟ้อให้ลงมาที่ 2% ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกขึ้นมานั้นคือในส่วนของการที่ถ้อยแถลงของ Fed หลังจากการประชุมนั้นไม่ได้มีการส่งสัญญาณว่าครึ่งปีหลังจะยังคงดอกเบี้ยไปในระดับสูงหรือ Higher for longer เหมือนในการประชุมครั้งก่อนหน้า โดยราคา Bitcoin (BTC) เพิ่มขึ้น 2.6% อยู่ที่ US$23,745 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 3.6% อยู่ที่ US$1,643 ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 2% Crypto Greed & Fear index ดีขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 60 จาก 56 อยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมายังคงมีความผันผวนที่สูงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้เมื่อวานราคาจะสามารถฟื้นตัวได้จากวันก่อนหน้า โดยเป็นการเก็งกำไรก่อนผลการประชุม Fed จะออกในคืนวันนี้ รวมถึงก่อนการประกาศผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม Tech ขนาดใหญ่ โดยวันนี้ Meta (หรือ Facebook ก่อนหน้านี้) จะมีการรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิด โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4% อยู่ที่ US$23,149 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 1.3% อยู่ที่ US$1,588 ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.7% Crypto Greed & Fear index กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งอยู่ที่ 56 จาก 51 แต่ยังคงอยู่ในระดับ Neutral

ประเด็นที่น่าสนใจ