ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเป็นภาพของการปรับตัวขึ้นได้โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 1.8% อยู่ที่ US$,20,633 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 5.0% อยู่ที่ US$1,590 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 2.87% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลข Core PCE ที่ประเทศสหรัฐในเดือนกันยายนออกมาต่ำกว่าตลาดคาดทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในเรื่องโอกาสในการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ Fed ที่มีมากขึ้น โดยสัปดาห์นี้เองจะมีการประชุม Fed โดยตลาดยังคงคาดว่าการประชุมรอบนี้จะขึ้น 75bps Greed & Fear index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการปรับตัวขึ้นของตลาด

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chiliz (CHZ) เป็นเหรียญ Fan token ที่สามารถให้ผู้ถือเหรียญมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆของทีมฟุตบอลที่ชื่นชอบ เป็นต้น ปรับตัวขึ้น 14.2% ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาถือว่าโดดเด่นกว่าภาพรวมของ 21 เหรียญบน InnovestX ทั้งหมด โดย CHZ ได้รับ Sentiment เชิงบวกสองเรื่องคือ 1) ทีมพัฒนาได้มีการประกาศ Update ระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 2) ทางทีมงานได้มีการเปิดตัว ChilizX (Token exchange ของเหรียญ Fan token) (ที่มา: Coinmarketcap)
• Dogecoin ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 53% ภายหลังจากที่ทางคุณ Elon Musk ซื้อกิจการ Twitter เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยสำนักข่าว Bloomberg ได้มีการระบุว่าทางคุณ Elon Musk อาจจะนำ Cryptocurrencies เข้ามาใช้ใน Twitter มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำ มาใช้แก้ปัญหาบอทใน Twitter และอาจจะเห็น Twitter ในอนาคตกลายเป็น Super App ก็เป็นไปได้ (ที่มา: The Block)
• ธปท. ได้มีการสั่งห้ามไม่ให้ธนาคารพาณิชย์รวมถึงบริษัทลูกทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ขออนุญาตเป็นรายกรณีได้ (ที่มา: ธปท.)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปิดบวกได้อย่างต่อเนื่องโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% อยู่ที่ US$20,776 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.2% อยู่ที่ US$1,567 ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 2.04% แต่หลักๆการปรับตัวลดลงของ NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมานั้นเกิดจากการปรับตัวลดลงของบริษัท Tech ที่รายงานผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด โดยตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมาได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่ Bond yield 10 ปีของสหรัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และเจอปริมาณ Short liquidation ที่สูงด้วย แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ Greed & Fear index เห็นการปรับตัวลดลงเล็กน้อยถึงแม้ราคาจะปรับตัวขึ้นก็ตาม

ประเด็นที่น่าสนใจ

• วันนี้จะมีการรายงานผลประกอบการของ Apple (หลังตลาดหุ้นสหรัฐปิด) และ Amazon (ไม่ทราบว่าจะประกาศก่อนหรือหลังตลาดปิด) แต่เริ่มดูเหมือนในระยะสั้นนักลงทุนจะมองข้ามผลกระทบของ NASDAQ ที่เกิดจากปัจจัยเฉพาะตัวจากประเด็นเรื่องผลประกอบการ (ที่มา: Investing)
• อ้างอิงข้อมูลจากทาง Glassnode เริ่มเห็นสัญญาณที่นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือ BTC มากกว่า 1,000 BTC หรือที่เราเรียกว่า Whale หรือวาฬ นั้น ได้มีการโอนเหรียญ BTC เข้ามาใน Exchange ที่มากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยการโอนเหรียญของนักลงทุนรายใหญ่นั้นแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะมีการขายทำกำไรระยะสั้นออกมาเหมือนกัน ซึ่งประเด็นนี้สอดคล้องกับที่เราเห็นสัญญาณการปรับตัวขึ้นของราคา BTC เมื่อคืนที่ผ่านมาแต่ Greed & Fear index ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามซึ่งโดยปกติแล้วการปรับตัวขึ้นของราคาควรที่จะมาพร้อมกับ Sentiment ของการลงทุนที่ดีขึ้นด้วย ทำให้การเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังที่มากขึ้น (ที่มา: Coindesk)

สรุปภาพตลาด

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นโดย Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.9% อยู่ที่ US$20,108 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.7% อยู่ที่ US$1,462 ในขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตลาดเองได้รับแรงสนับสนุนจากการที่ Bond yield 10 ปีของประเทศสหรัฐปรับตัวลดลงสร้าง Sentiment เชิงบวกให้หุ้นกลุ่ม Tech แต่ในสัปดาห์นี้เองเราเชื่อว่าราคา Cryptocurrency จะมีความผันผวนที่สูงขึ้นจากช่วงการประกาศงบของหุ้นกลุ่ม Tech ขนาดใหญ่ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาบริษัท Google ประกาศงบ 3Q22 ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ Microsoft ออกมาดีกว่าคาด

ประเด็นที่น่าสนใจ

• วันนี้ภายหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการจะมีการรายงานผลประกอบการของ Meta (หรือ Facebookก่อนหน้านี้) โดยผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะมีผลต่อดัชนี NASDAQ ซึ่งมี Correlation ที่สูงเมื่อเทียบกับ Bitcoin (ที่มา: Investing)
• สภาล่างของสหราชอาณาจักรได้มีการโหวตให้บรรจุ Cryptocurrency เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ถูกควบคุม (Regulated financial instruments) โดยกระบวนการหลังจากนี้ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอนกว่าที่จะสามารถออกเป็นกฎหมายได้ (ที่มา: Coindesk)
• BlockFi มีการทำ Survey ออกมาโดยเป็นการสำรวจผู้หญิงกลุ่ม Gen Z และ Millennials เกี่ยวกับการลงทุนใน Cryptocurrency โดยผลของการสำรวจออกมาว่า 10% ของผู้สำรวจเลือก Cryptocurrency เป็นตัวเลือกแรกของการลงทุน นอกเหนือจากนี้ 20% (ลำดับที่ 2) ของผู้หญิงกลุ่ม Gen Z มองว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในการลงทุนระยะยาวที่ดีที่สุดถึงแม้ว่าตัวเลือกที่ 1 ยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ 41% (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดย Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% อยู่ที่ US$19,337 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 4.7% อยู่ที่ US$1,344 ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% ในช่วงเดียวกัน โดยนักลงทุนยังคงรอดูปัจจัยในเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐและทิศทางนโยบายทางการเงินของ Fed แต่ในระยะสั้นอาจจะเห็นความผันผวนของราคา Cryptocurrency ที่สูงขึ้นเนื่องจากตลาดเข้าสู่ช่วงของการรายงานผลประกอบการหุ้นกลุ่ม Tech ของสหรัฐ ขณะที่ Greed & Fear index ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 20 หรือ Extreme fear ซึ่งสะท้อนภาพ Downside ระยะสั้นที่จำกัด

ประเด็นที่น่าสนใจ

• สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ผลประกอบการหุ้นกลุ่ม Tech ในประเทศสหรัฐเริ่มรายงานผลประกอบการ 3Q22 โดยวันนี้เองจะมีการรายงานผลประกอบการของ Alphabet หรือ Google โดยจะเป็นการรายงานหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิด และบริษัท Twitter โดยผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จะมีผลต่อดัชนี NASDAQ ซึ่งมี Correlation ที่สูงเมื่อเทียบกับ Bitcoin (ที่มา: Investing)
• มีบทวิจัยของทาง Bank of America ออกมาพูดถึง Correlation ของราคา Bitcoin กับราคาทองคำที่เริ่มสูงขึ้นซึ่งอาจจะแสดงให้เห็นถึงมุมมองของนักลงทุนที่เริ่มมองว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามจากการคำนวณของเราตัวเลข Correlation ย้อนหลัง 1 สัปดาห์ระหว่าง Bitcoin กับทองคำจะอยู่ที่ 0.6 และ NASDAQ จะอยู่ที่ 0.8 โดยประเด็นนี้อาจจะเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไป (ที่มา: The Block)
• Platform รับฝากเหรียญ Cryptocurrency ที่ชื่อว่า Freeway ได้มีการประกาศหยุดการให้บริการโดยให้สาเหตุเรื่องของความผันผวนในเรื่องของ Foreign exchange และตลาด Cryptocurrency (ที่มา: The Block)

ตลาด Cryptocurrency เคลื่อนไหวในกรอบแคบเมื่อวานนี้ โดย Bitcoin (BTC) ปรับลดลง -0.4% อยู่ที่ US$19,056 และ Ethereum (ETH) ย่อตัวลง -0.2% อยู่ที่ US$1,283 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับลดลง -0.61% อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงสองปีที่ผ่านมา ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ตลาด Cryptocurrency มีความผันผวนน้อยที่สุดเมื่อพิจารณาจากค่า 30-day volatility สะท้อนถึงนักลงทุนกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะในสัปดาห์หน้าที่จะมีการรายงาน GDP 3Q22 ของสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาดูว่าจะเป็นการหดตัวเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันหรือไม่ รวมทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม Fed อีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทางด้าน Greed & Fear index ทรงตัวจากวานนี้ที่ระดับ Fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Coingecko ออกรายงานภาพรวมตลาดคริปโตฯ 3Q22 พบว่า Market Cap อยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.5%QoQ ขณะที่ BTC แม้ราคาทรงตัวใน 3Q22 แต่ outperform กว่าสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภทนอกเหนือจากดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ทางด้าน market cap รวมด้านการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เพิ่มขึ้น 31.3%QoQ ตรงข้ามกับโทเคน NFT ที่ปริมาณการซื้อขายลดลงถึง 77%QoQ (ที่มา: Coingecko)
• Tesla รายงานผลประกอบการ 3Q22 ยังถือ BTC เท่าเดิม ไม่ได้ซื้อขายเพิ่มจาก 2Q22 โดยมีมูลค่าถือครองที่เป็น Book Value ที่ 218 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ MicroStrategy นั้น มีรายงานจาก Forbes ระบุถึงความเสี่ยงที่จะล้มละลาย หลังจาก Michael Saylor CEO ได้เข้าซื้อ BTC รวมกว่า 1.3 แสน BTC มูลค่ารวมกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้เงินจากการขายหุ้นกู้และสินเชื่อ ซึ่งราคา BTC ที่ร่วงลงส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์และมีกำหนดชำระในอีก 17 เดือนจากนี้ ขณะที่รายได้จากธุรกิจซอฟต์แวร์ก็สร้างกระแสเงินสดได้ไม่มากพอ ทำให้ฐานะการเงินจึงเสี่ยงดวงกับ BTC อย่างเลี่ยงไม่ได้ (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ปรับลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดย Bitcoin (BTC) ปรับลง -1.0% อยู่ที่ US$19,136 ส่วน Ethereum (ETH) ลดลง -1.9% อยู่ที่ US$1,285 เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนี Nasdaq ที่ร่วงลง -0.85% หลังจากจาก Bond Yield 10 ปี สหรัฐ พุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 14 ปี นอกจากนี้ความเห็นของ Neel Kashkari ประธาน Fed สาขา Minneapolis ที่ระบุว่าควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่า 4.75% ในช่วงกลางปีหน้า หากเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม Greed & Fear index ยังทรงตัวจากวานนี้ที่ระดับ Fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เยอรมนีแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจด้าน Cryptocurrency ใน 3Q22 ดีที่สุดในโลก จัดอันดับโดย Coincub ซึ่งวัดจากปัจจัยต่างๆ เช่น แนวโน้มความนิยมในคริปโตฯ, ความชัดเจนของกฎหมายภาษีคริปโตฯ, การสื่อสารด้านกฎระเบียบมีความโปร่งใส ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย UAE สิงคโปร์ ส่วนสหรัฐฯ ตกมาอยู่ที่ 7 (ที่มา: Coincub)
• คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ออกเอกสารระบุถึงความเสี่ยงด้านพลังงานในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ จากปัญหาความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม โดย EC ขอให้ประเทศสมาชิกลดการใช้พลังงานในอุตสาหกรรมคริปโตฯ และหากจำเป็นต้องลดภาระด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง ประเทศสมาชิกก็ต้องพร้อมหยุดขุดคริปโตฯ ด้วย (ที่มา: Coindesk)
• Ethereum เปิดตัวเครือข่าย testnet ตัวใหม่ Shanghai ซึ่งเป็นการ upgrade ครั้งใหญ่ครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนระบบเครือข่าย ETH เป็น PoS เมื่อ ก.ย. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเครือข่ายใหม่นี้จะนำไปสู่การพัฒนาการถอนเหรียญ ETH stake บน Ethereum 2.0 ที่ทำให้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมถูกลง ทั้งนี้คาดจะดำเนินการทดสอบไปจนถึง ก.ย. 2023 (ที่มา: Cointelegraph)

ภาพรวมตลาด Cryptocurrency วานนี้เป็นการย่อตัว ล ง โดย Bitcoin (BTC) ปรับลดลง -1.1% อยู่ที่ US$19,341 และ Ethereum (ETH) ปรับลดลงเช่นกัน - 1.5 % อยู่ที่ US$1,312 ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคา Cryptocurrency ปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงปรับขึ้นต่อวานนี้ โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น +0.9% ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาด Cryptocurrency ในระยะนี้ยังคงไร้ปัจจัยสนับสนุนใหม่ จะมีก็เพียงปัจจัยเดิม คือ แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน พ.ย. ที่มองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะขึ้น 75bps ทางด้าน Greed & Fear index ยังทรงตัวจากวานนี้ที่ระดับ Fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• สมาชิกรัฐสภายุโรป (European Parliament) เรียกร้องให้ออกมาตรการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ Cryptocurrency โดยให้นำเอาเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้เพื่อป้องกันหลบเลี่ยงภาษี ยกระดับการจัดเก็บภาษีจาก trader รายย่อยและ การทำ ธุรกรรมจาก Cryptocurrency มากขึ้น ทั้งยังมั่นใจได้ว่ามีความโปร่งใสและมีผลบังคับใช้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ( ที่มา : Bitcoin . c om )
• FTX (ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เทรด อนุพันธ์ Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุด) อาจไม่สามารถซื้อสินทรัพย์ของ Voyager Digital ( โบรกเกอร์ คริป โตฯ ที่ยื่นล้มละลายเมือ ก.ค. ที่ผ่านมา ) แม้จะเป็นผู้ชนะการประมูลมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ หลังหน่วยงานกำกับดูแลระบุว่า FTX นั้นไม่ได้เป็นตัวแทนการโอนเงินระหว่างประเทศหรือนายหน้าผู้ค้าหลักทรัพย์ในรัฐเท็กซัส ( ที่มา : TheBlock ) 
• เกาหลีใต้มีแผนที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในระบบการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล หรือ Digital ID ภายในปี 2024 และจะเป็นการกระจายอำนาจ ( decentralized ) โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ คาดว่าจะนำไปปรับใช้กับการให้บริการสาธารณะด้วย เช่น ด้านการขนส่ง สุขภาพ ภาษี การเงิน และอื่นๆ รวมถึงกับภาคเอกชนเพื่อช่วยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกดิจิทัล ( ที่มา : Cointelegraph )

ภาพรวมตลาด Cryptocurrency วานนี้เป็นการปรับขึ้นโดย Bitcoin (BTC) ขยับขึ้น +1.5% อยู่ที่ US$19,563 และ Ethereum (ETH) ปรับขึ้นเช่นกันที่ +2.0% อยู่ที่ US$1,333 เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวขึ้นมาปิดในแดนบวกวานนี้ โดยดัชนี NASDAQ ปิดบวกขึ้นไป +1.9% ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ หลัง CME FedWatch Tool คาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75bps ด้วยความเป็นไปได้สูงถึง 95% ในขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 100bps นั้นเป็นไปได้น้อยมาก ทำให้ตลาดมองว่าความไม่แน่นอนลดลงและกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทางด้าน Greed & Fear index ดีขึ้นเล็กน้อย โดยปรับขึ้นมาสู่ระดับ Fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเรือธงของ Meta อย่าง Horizon Worlds กำลังประสบปัญหาจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าที่ตั้งเป้าในปีนี้ที่เฉลี่ย 5 แสนราย/เดือน ล่าสุดมีผู้เข้ามาเล่นไม่ถึง 2 แสนราย และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง สาเหตุเช่น ขาดครีเอเตอร์, ค้นหาโลกที่พวกเขาชอบไม่พบ, อวาตาร์ไม่สมจริง ขณะที่ราคาหุ้น Meta ร่วงลงกว่า 60% จากจุดสูงสุดเมื่อ ก.ย. 64 (ที่มา: WSJ)
• Binance เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดัชนีตัวแรก คือ Top 10 Equal-Weighted Index ผ่านทางบริการ Auto-Invest ในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งจะเป็นดัชนีที่อ้างอิงจาก 10 cryptocurrency ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด และจะมีการ rebalance ในทุกๆ เดือน ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการนำร่องไปสู่ Binance CoinMarketCap Index Series เพิ่มทางเลือกลงทุน (ที่มา: Cointelegraph)
• ความคืบหน้าการฟ้องร้องและกระบวนการยื่นล้มละลายของ Celsius ยังคงดำเนินต่อไป โดยเมื่อ มิ.ย. ที่ผ่านมา Celcius ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทางกฎหมายกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น ก.ย. ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการฉ้อโกงคล้าย Ponzi Scheme รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลด้านธุรกรรมของลูกค้า ทำให้คาดการได้ค่าเสียหายคืนยังต้องใช้เวลาอีกนาน (ที่มา: TheBlock)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดยาวของไทย (13-16 ต.ค.) แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก กล่าวคือ ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้น 0.6% อยู่ที่ US$19,265 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวขึ้น 0.8% อยู่ที่ US$1,306 แต่มีความผันผวนสูง โดยในวันพฤหัสฯ ราคา BTC และ ETH ดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อกลับหลังสหรัฐรายงานดัชนี CPI เดือน ก.ย. สูงกว่าคาดการณ์ ก่อนที่วันศุกร์จะมีแรงขายกดดันหลังสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกเดือน ก.ย. ต่ำกว่าคาด รวมทั้งคาดการณ์เงินเฟ้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ Bond yield 10 ปีสหรัฐยังคงยืนเหนือระดับ 4% ส่วน NASDAQ ในวันศุกร์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลง 3.1% ทางด้าน Greed & Fear index ยังคงอยู่ในระดับ Extreme Fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะกรรมการ Fed แสดงความเห็นถึงดอลลาร์ดิจิทัลว่า ดอลลาร์ดิจิทัลไม่อาจมีอิทธิพลเหนือเงินกระดาษที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ หลายประเทศยังคงใช้เงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ชำระเงินการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีเรื่องผลกระทบด้านความมั่นคง ทำให้คาดว่าดอลลารดิจิทัลอาจยังไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ (ที่มา: Reuters)
• มาสเตอร์การ์ด ร่วมมือกับ Ciphertrace เปิดตัวซอฟต์แวร์ที่มีชื่อว่า Crypto Secure ซึ่งใช้ I. ตรวจจับธุรกรรมการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิตด้วยเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่มีความน่าสงสัยเป็นพิเศษ โดยหากตรวจพบ ซอฟต์แวร์จะแจ้งเตือนไปยังผู้ให้บริการทางการเงินทันที และธนาคารกับผู้ออกบัตรจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป (ที่มา: CNBC)
• ปริมาณ supply ของ ETH หลังจากการอัปเกรด The Merge เพิ่มขึ้นราว 7,000 โทเคน ทำให้ปริมาณ supply หมุนเวียนในระบบขณะนี้อยู่ที่ 121 ล้านโทเคน ซึ่งหลังจากนี้คาดว่า supply จะเพิ่มในอัตราที่น้อยลงอีกจากโปรเจกต์ Xen Crypto ที่เสนอบริการ mint โทเคนให้กับผู้ที่จ่ายค่าแก๊ส ทำให้เกิดการเบิร์น ETH บนเครือข่ายกว่า 6,000 ETH (ที่มา: Cointelegraph)

ตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.5% อยู่ที่ US$19,048 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 1.0% อยู่ที่ US$1,279 โดยนักลงทุนเองยังคงลดสถานะเพื่อรอดูตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศในวันพฤหัสว่าจะมีทิศทางอย่างไร สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายที่เบาบางอย่างต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า และเมื่อคืนที่ผ่านมา Bond yield 10 ปีของประเทศสหรัฐปรับตัวแตะระดับ 4% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดันการลงทุน ทำให้ NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1.1% ล่าสุด Greed & Fear index ลดลงสู่ระดับ Extreme fear หรือระดับที่กลัวมากที่สุดเรียบร้อยแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจ

• พรุ่งนี้จะมีการรายงานตัวเลข CPI เดือนกันยายนที่ประเทศสหรัฐโดยตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขจะออกมาทีเติบโต 0.2% MoM และ 8.1% YoY โดยคาดว่าตลาด Cryptocurrency จะมีความผันผวนที่สูงขึ้นโดยปกติแล้วถ้าตัวเลขออกมาสูงกว่าคาดก็จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาเนื่องจากจะนำไปสู่นโยบายทางการเงินที่ตึงตัวต่อเนื่อง แต่ถ้าต่ำกว่าคาดจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อราคาเช่นกัน (ที่มา: Investing)
• Google ประกาศจับมือกับ Coinbase ในการที่จะนำ Cryptocurrency มาจ่ายค่าบริการ Google Cloud ได้ในต้นปีหน้าถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการที่บริษัทขนาดใหญ่เปิดรับการชำระเงินด้วย Cryptocurrency โดยระบบการชำระเงินของ Coinbase นั้นปัจจุบันรองรับทั้งหมด 10 เหรียญคือ BTC, ETH, USDC, USDT, APE, BCH, DAI, DOGE, LTC, SHIB (ที่มา: Coindesk)
• มีข่าวการถูก Hack ใน DeFi อีกครั้งโดยล่าสุดเป็น Platform ที่ชื่อว่า Mango บน Solana chain โดยความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ ไม่ต่ำกว่า US$100mn (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.8% อยู่ที่ US$19,102 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 2.7% อยู่ที่ US$1,286 โดยได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนทยอยลดความเสี่ยงก่อนที่จะถึงวันประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงปลายสัปดาห์ ประกอบกับ NASDAQ ปรับตัวลดลง 1.04% ภายหลังจากที่ทางรัฐบาลสหรัฐมีการเปิดเผยกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับการส่งออก Chips ต่างๆไปที่ประเทศจีน รวมถึงความกังวลเรื่องนโยบายทางการเงินที่ยังคงกดดันต่อเนื่อง

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ตัวเลข Funding rates ของ BTC futures ส่งสัญญาณที่มีความ Neutral มากขึ้นภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณเป็นบวกอย่างต่อเนื่องแสดงถึงการลดสถานะของนักลงทุนก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ โดย Funding rates เป็นบวกจะหมายถึง Sentiment เชิงบวกของนักลงทุนกับแนวโน้มราคา BTC และ Sentiment เชิงลบถ้าตัวเลขติดลบ (ที่มา: Coindesk, Glassnode)
• Supply ของ ETH เริ่มเห็นสัญญาณที่เป็น Deflationary หรือการที่ปริมาณเผาเหรียญของ ETH (ระบบจะมีการนำค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบางส่วนมาซื้อเหรียญ ETH และเผาทิ้งเพื่อลดปริมาณ Supply) มากกว่าเหรียญ ETH ที่ถูกสร้างใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มี Dapps เปิดตัวใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรามองว่านักลงทุนคงต้องติดตามต่อว่า Trend นี้จะยังคงอยู่ต่อเนื่องได้หรือไม่ (ที่มา: Cryptopotato, Ultra sound money)
• Multiverse Labs ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยของรัฐบาล UAE เปิดตัว Metaverse city เพื่อกระตุ้นในเรื่องของการท่องเที่ยว (ที่มา: Cointelegraph)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเป็นภาพของการปรับตัวลดลงโดย ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 2.6% อยู่ที่ US$19,437 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 2.2% อยู่ที่ US$1,322 โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐออกมาสูงกว่าตลาดคาดเลยทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามถ้าดูจากแนวโน้มนั้นตัวเลขการจ้างงานก็ถือว่ามีการปรับตัวอ่อนลงจากเดือนก่อนหน้า โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา NASDAQ ก็ได้มีการปรับตัวลดลง 3.8% เช่นกัน

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ล่าสุดทาง Binance chain ได้มีการประกาศกลับมาเปิดการทำธุรกรรมของ Chain แล้วภายหลังจากที่หยุดไปก่อนหน้านี้จากเหตุการณ์ถูก Hack โดยทาง Chain แจ้งว่าสาเหตุเกิดจากช่องว่างที่เรียกว่า Cross-chain bridge ที่เรียกว่า BSC Token hub โดยจำนวนเหรียญที่ถูก Hack ไปนั้นอยู่ที่ 2mn BNB หรือประมาณ US$500-600mn โดยหลังจากนี้ทาง Binance chain จะให้ผู้ถือเหรียญ BNB มาโหวตว่าจะแก้จะดำเนินการอย่างไรต่อกับเหตุการณ์นี้ (ที่มา: Binance)
• Visa ได้มีการจับมือกับ FTX (หนึ่งใน Cryptocurrency exchange ที่ใหญ่ลำดับต้นๆของโลก) ในการที่จะออก Debit card ใน 40 ประเทศโดยเน้นไปที่ประเทศโซน Latin America, Asia และ Europe โดยถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาราคา Cryptocurrencies จะมีการปรับตัวลดลงแต่ CFO ของ VISA ได้ระบุว่ายังคงมีความต้องการที่จะนำ Crypto มาใช้จ่าย (ที่มา: CNBC)
• DappRadar มีการระบุว่าปัจจุบันตัวเลข Active users ต่อวันของ Metaverse platform ชื่อดังอย่าง Sandbox อยู่ที่ 522 จาก Peak ที่ 4,500 และ Decentraland อยู่ที่ 38 จาก Peak ที่ 675 (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมาปิดตัวในกรอบแคบ โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ 1% อยู่ที่ US$19,962 และ Ethereum (ETH) ใกล้เคียงวันก่อนหน้าที่ US$1,352 โดยตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอดูในส่วนของตัวเลขการจ้างงานในประเทศสหรัฐที่จะประกาศในคืนนี้เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สะท้อนภาพเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐซึ่งถ้าออกมาสูงกว่าคาดจะแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่งและจะทำให้นักลงทุนกลับมากังวลในเรื่องความตึงตัวของนโยบายทางการเงินของ Fed อีกครั้ง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา NASDAQ ปิดลดลงเล็กน้อยเช่นกันที่ 0.68%

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เมื่อคืนที่ผ่านมาทาง Binance Smart Chain (BSC) หนึ่งใน Blockchain ที่มีชื่อเสียงและถูกพัฒนาโดย Binance ที่เป็น Digital asset exchange ที่ใหญ่สุดในโลก ได้มีการออกมาปิดระบบการทำธุรกรรมทั้งหมดของ BSC ภายหลังจากที่มีการรายงานการถูก Hack ซึ่งมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ US$500mn โดยทาง Binance ได้ออกมาพูดผ่าน Twitter ว่ากำลังอยู่ในช่วงของการสืบหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีช่องว่างตรงไหน และยังมีระบุว่าเงินทั้งหมดยังปลอดภัย (ที่มา: Coindesk)
• Warner Music Group บริษัทเพลงในประเทศสหรัฐ ได้ประกาศหาพนักงานเพิ่มในตำแหน่งทางด้าน Metaverse โดยจะทำหน้าที่ในการสร้างประสบการณ์เพลงใหม่ๆใน Metaverse รวมถึง Gaming (ที่มา: The Block)
• Stablecoin ลำดับสามของโลกที่ชื่อว่า DAI ได้มีการเตรียมที่จะแปลงเงินทุนสำรอง US$500mn ไปซื้อ US Treasury และ Corporate bond เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองที่ใช้ในการกรักษามูลค่า DAI จากก่อนหน้านี้ที่มีแต่เหรียญ ETH (ที่มา: Coindesk)