ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมายังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ๆ โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1% อยู่ที่ US$16,455 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% อยู่ที่ US$1,218 โดยดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.6% โดยนักลงทุน Crypto ยังคงรอดูผลกระทบกรณี FTX ต่อไป โดยเมื่อคืนที่ผ่านมายังไม่เห็นปัจจัยลบใหม่ๆเข้ามา แต่ในมุมมองของ Sentiment ของนักลงทุนสะท้อนจาก Crypto Greed & Fear index เริ่มดูดีขึ้นโดยปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 29 จาก 26 ในวันก่อนหน้ายังคงอยู่ในระดับ Fear หรือ กลัว แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าผลกระทบต่อเนื่องกรณี FTX สิ้นสุดหรือยัง เป็นสิ่งที่นักลงทุนคงต้องติดตามต่อ

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Binance (Cryptocurrency exchange ที่ใหญ่สุดในโลก) ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่มีคนสังเกตเห็นว่า Binance มีการโอน BTC ออกไปกว่า 127,000 BTC โดยทาง Binance ระบุว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการตรวจสอบ Proof-of-Reserve ของ Auditor ว่าทางบริษัทมีการถือครอง BTC จริงไหม (ที่มา: Binance)
• ทาง Glassnode ได้มีการรวบรวมข้อมูลว่าภายหลังจากกรณี FTX นักลงทุนรายย่อยกลุ่มที่เรียกว่า Bitcoin shrimps (ถือครองน้อยกว่า 1 BTC) และ crabs (น้อยกว่า 10 BTC) มีการทยอยซื้อ BTC เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ All time high เรียบร้อยแล้ว (ที่มา: Cryptopotato)
• Silvergate Capital Corporation (Digital asset bank ของประเทศสหรัฐ) ได้มีการออกมาระบุว่าผลกระทบต่อบริษัทกรณีการยื่นขอล้มละลายของ BlockFi นั้นจำกัดเนื่องจากมีความเชื่อมโยงด้านเงินฝากไม่ถึง US$20mn และไม่ได้มีการลงทุนตรงใน BlockFi (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาเป็นการปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.4% อยู่ที่ US$16,212 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 2.2% อยู่ที่ US$1,169 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 1.6% จากแรงกดดันเรื่องการปิดประเทศของจีน โดยตลาด Cryptocurrency เองนอกจากได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่ม Tech ยังมีประเด็นเรื่องมีบริษัท Crypto platform ยื่นล้มละลายเพิ่มเติมจากผลกระทบกรณี FTX ทำให้ภาพรวม Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวานโดยอยู่ที่ 26 จาก 28 โดยยังคงอยู่ในระดับ Fear หรือระดับกลัว

ประเด็นที่น่าสนใจ

• BlockFi (Platform ที่ทำหน้านี้รับฝากและปล่อยกู Cryptocurrency) ประกาศยื่นขอล้มละลายโดยให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจาก FTX เนื่องจากมีสินทรัพย์บางส่วนฝากไว้ที่ FTX โดยก่อนหน้านี้ทาง BlockFI ได้มีการประกาศหยุดถอนเงินและแจ้งเตือนนักลงทุนในเรื่องของการที่จะฝากเงินเพิ่มเติมไม่กี่วันหลังจากที่ FTX ประกาศล้มละลาย (ที่มา: Coindesk)
• JP Morgan (JPM) ได้ออกมาพูดว่า Centralized exchange ยังคงที่จะครองส่วนแบ่งการซื้อ-ขาย Crypto ส่วนใหญ่หลังจากนี้ ถึงแม้จะเกิดกรณี FTX ซึ่งทำให้นักลงทุนบางส่วนคิดในเรื่องของการที่จะหันไปใช้ Decentralized exchange (DEX) มากขึ้นโดย JPM ให้เหตุผลว่า 1) การทำธุรกรรมที่ช้ากว่าบน DEX, 2) ความเสี่ยงเรื่องการถูก Hack 3) การที่สามารถตาม Order ซื้อ-ขายได้ โดยสิ่งเหล่านี้ทำให้การประเมิณความเสี่ยงทำได้ลำบากและเป็นสิ่งที่จำกัดการเข้ามาของนักลงทุนสถาบัน (ที่มา: Coindesk)
• Fidelity Investments ประกาศให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขาย Crypto ได้แล้วโดยจะเริ่มจาก BTC และ ETH โดยต้องมีบัญชีหุ้นก่อน แต่จะมีการเตือนนักลงทุนอย่างเข้มข้นในเรื่องความเสี่ยงและเปิดโดยไม่มีการคิดค่าธรรมเนียม (ที่มา: The Block)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมายังคงเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.8% อยู่ที่ US$16,454 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 0.6% อยู่ที่ US$1,196 โดยดัชนี NASDAQ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 0.5% โดยนักลงทุนยังคงรอดูผลกระทบต่อเนื่องกรณี FTX ที่ ณ ปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่เนื่องด้วยช่วงวันหยุดที่ผ่านมาไม่ได้มีประเด็นลบใหม่ๆประกอบกับมี Sentiment เชิงบวกเกี่ยวกับความพยายามของทาง Binance ที่จะทำให้อุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเลยทำให้ Crypto Greed & Fear index ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 28 (ระดับ Fear) จาก 20 (Extreme fear) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทาง Binance (Crypto exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ได้มีการโอนเงิน 1bn BUSD หรือมีมูลค่าเทียบเท่า US$1bn เข้าไปที่กองทุน Industry Recovery Initiative โดยจะใช้ช่วยเหลือ Project ที่ดีแต่ได้รับปัญหาทางด้านสภาพคล่อง โดยล่าสุดได้มีการโอนเพิ่มเข้าไปอีก 1bn BUSD (US$1bn) ทำให้กองทุนมีมูลค่าทั้งหมด US$2bn (ที่มา: Coindesk)
• นอกเหนือจากประเด็นก่อนหน้าทาง Binance เองได้มีการเพิ่มความโปร่งใสให้กับ Exchange ของตัวเองโดยมีการประกาศสิ่งที่เรียกว่า Proof-of-Reserve เพื่อแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าทาง Exchange นั้นมีเงินทุนสำรองเพียงพอกับจำนวนเหรียญของนักลงทุนที่มีทั้งหมด โดย Binance เองเริ่มด้วยการเปิดเผยจำนวน BTC และจะมีการเพิ่มเหรียญอื่นๆในอนาคต (ที่มา: Binance)
• ภายหลังจากที่ราคา BTC ปรับตัวลดลงหลังกรณี FTX ผลกระทบเชิงลบอีกส่วนคือรายได้ของนักขุดซึ่งล่าสุดรายได้อยู่ในจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดย Hash Rate (กำลังการขุดหรือจำนวนผู้ตรวจสอบธุรกรรม) ปรับตัวลดลงเช่นกันโดยเราคาดว่าอาจจะมีนักขุดบางส่วนหยุดการขุดเนื่องจากอาจจะไม่คุ้มทุน ณ ราคา BTC ปัจจุบัน (ที่มา: Cryptopotato, Ycharts)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวในกรอบแคบแบบผสมผสาน โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.1% อยู่ที่ US$16,593 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% อยู่ที่ US$1,203 โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องจากวัน Thanksgiving day ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมากระแสข่าวค่อนข้างที่จะเบาบาง และก็ยังไม่เห็นประเด็นใหม่ๆที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากกรณี FTX แต่อย่างไรก็ตาม Sentiment ของนักลงทุนก็ยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวังสะท้อนจาก Crypto Greed & Fear index ที่ยังทรงตัวที่ 20 หรือ ระดับ Extreme fear ในส่วนของ Funding rate ของ BTC ก็ยังคงอยู่ในแดนลบต่อเนื่อง ซึ่งก็แสดงให้เห็น Sentiment ของนักลงทุนที่ยังคงไม่กลับมา Bullish

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ภายหลังจากที่เกิดประเด็น FTX ทาง Binance ได้เคยออกมาพูดว่าจะมีการตั้งกองทุนที่เรียกว่า Industry Recovery Initiative ซึ่งจะนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือ Project ที่ดีแต่ได้รับปัญหาทางด้านสภาพคล่อง โดยเบื้องต้นคาดว่า Program นี้จะอยู่ที่ 6 เดือน ล่าสุดทาง Binance เองได้มีการโอน 1bn BUSD หรือมีมูลค่าเทียบเท่า US$1bn เข้าไปที่กองทุนนี้เรียบร้อยแล้ว (ที่มา: Binance)
• คุณ Cathie Wood ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ล่าสุดภายหลังจากที่ Ark Invest ได้มีการซื้อ Grayscale’s Bitcoin Trust เพิ่มเติมหลังเหตุการณ์ FTX โดยเธอยังคงมีมุมมองเหมือนเดิมว่าราคา BTC จะไปอยู่ที่ระดับ US$1mn/BTC และเธอมองว่าเหตุการณ์นี้อาจจะสร้างแรงกดดันต่อราคาในระยะสั้นแต่จะทำให้ระยะยาวนักลงทุนจะเข้าใจว่าเหรียญไหนคือเหรียญที่ดี โดยประเด็นด้านลบสิ่งเดียวที่เธอเห็นคือการที่นักลงทุนสถาบันอาจจะลดความสนใจในการลงทุนออกไป (ที่มา: Cryptopotato)
• อ้างอิงจากตัวเลขของ IntoTheBlock ระบุว่าปัจจุบัน 51% ของจำนวนบัญชีที่ถือ BTC อยู่ในภาวะขาดทุน โดยถ้าเปรียบเทียบกับในอดีตตัวเลขนี้เคยลงไปถึง 55% ในปี 2019 และ 62% ในปี 2015 (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5% อยู่ที่ US$16,598 และ Ethereum (ETH) เพิ่มขึ้น 4.2% อยู่ที่ US$1,183 ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 1% โดยภาพรวมการลงทุนได้รับ Sentiment เชิงบวกจากการที่ Fed minute ที่เปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยในครั้งถัดๆไปมีโอกาสที่จะเพิ่มในอัตราที่ช้าลง ทำให้ Bond yield สหรัฐปรับตัวลดลงส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Tech รวมถึง Cryptocurrency ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้มีพัฒนาการเชิงลบใหม่ๆเกี่ยวกับประเด็น FTX แต่อย่างไรก็ตาม Sentiment ของนักลงทุนยังคงมีความกังวลสะท้อนจาก Crypto Greed & Fear index ที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 20 หรือระดับ Extreme fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ BNB ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% ใน 1 วันที่ผ่านมา ถือว่าปรับตัวขึ้นโดดเด่นใน 26 เหรียญบน InnovestX โดยมีประเด็นที่ Binance Exchange (Crypto exchange ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ได้มีการประกาศขายเหรียญ HOOK โดยต้องนำเหรียญ BNB มาฝากไว้เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการซื้อและปริมาณเหรียญ HOOK ที่จะได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเหรียญ BNB ที่นำมาฝากไว้ด้วยเช่นกัน (ที่มา: Coinmarketcap, Binance)
• New York เตรียมที่จะเป็นรัฐแรกในสหรัฐที่ประกาศไม่ให้ใช้พลังงาน Fossil ในการขุด Cryptocurrency แต่สามารถใช้พลังงานสะอาดได้ โดยเตรียมที่จะออกเป็นกฎหมายในเร็วๆนี้ (ที่มา: Cryptopotato)
• Coinbase ได้มีการทำ Survey นักลงทุนสถาบันทั้งหมด 140 รายเกี่ยวกับการลงทุนใน Crypto ระหว่างวันที่ 21 ก.ย. ถึง 27 ต.ค. โดยได้ข้อสรุปออกมาว่า 1) ความกังวลหลักคือเรื่องความไม่แน่นอนของ Regulation 2) 71% เชื่อว่ามูลค่าของ Crypto จะเพิ่มขึ้นในระยะยาว และ 3) 62% มีการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาเป็นภาพของการปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% อยู่ที่ US$16,210 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5% อยู่ที่ US$1,136 โดยมีแรงเก็งกำไรของนักลงทุนเข้ามาก่อนที่จะมีการรายงาน Fed minute ในคืนนี้ โดยนักลงทุนคาดหวังว่าจะเห็นสัญญาณบวกในเรื่องของนโยบายทางการเงิน แต่ในส่วนของประเด็นความกังวลเฉพาะตัวเรื่องผลกระทบต่อเนื่องกรณี FTX นั้นยังคงมีความไม่แน่นอนสูง Crypto Greed & Fear index ยังคงทรงตัวจากเมื่อวานอยู่ในระดับเดิมที่ 22 หรือระดับ Fear โดยดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 1.4%

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Curve DAO Token (CRV) มีการปรับตัวขึ้น 24.4% ใน 1 วันที่ผ่านมาโดดเด่นที่สุดใน 26 เหรียญบน InnovestX โดยผู้ถือเหรียญนี้มีคุณสมบัติโหวตแก้ไขสิ่งต่างๆใน Protocol Curve (ทำหน้าที่เหมือนร้านแลกเหรียญที่เน้นการแลกเปลี่ยน Stablecoin เป็นหลัก) โดยการปรับตัวเกิดจากการที่เกิด Short squeeze เมื่อคืนที่ผ่านมา (ที่มา: Coinmarketcap, Coinalyze)
• มีความคืบหน้าของทาง Genesis Crypto platform ทีให้บริการ Broker/dealer รวมถึง Custodian โดยล่าสุดได้มีการจ้างที่ปรึกษาในการหาเงินทุนเข้ามาเพิ่ม และรวมถึงการยื่นขอล้มละลาย (ที่มา: Coindesk)
• ภายหลังจากที่ Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) มีส่วนลดของ NAV เมื่อเทียบกับราคา BTC สูงถึง 45% เมื่อวานทาง Ark Investment ได้มีการเข้าซื้อเพิ่มอีก US$1.5mn ทำให้ทาง Ark ถือครอง GBTC ทั้งหมด US$53mn เทียบกับ AUM ของ GBTC ทั้งหมดที่ US$10.2bn โดยล่าสุดส่วนลดของ NAV ลดลงอยู่ที่ 43% แต่ GBTC ยังมีประเด็นที่นักลงทุนกังวลในเรื่องของผลกระทบถ้า Genesis ประกาศล้มละลายเพราะมีบริษัทก่อตั้งเดียวกันคือ Digital Currency Group (ที่มา: Coindesk, Ycharts)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาเป็นภาพของการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 3.2% อยู่ที่ US$15,779 และ Ethereum (ETH) ลดลงที่ 3.2% อยู่ที่ US$1,106 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1.1% โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาตลาด Cryptocurrency ได้รับแรงกดดันจากบทสัมภาษณ๋ของหนึ่งใน Fed member ว่ายังเร็วเกินไปที่จะเห็นการหยุดขึ้นดอกเบี้ย และความกังวลต่อเนื่องในกรณี FTX ประกอบกับภาพรวมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้รับแรงกดดันจากการที่ประเทศจีนกลับมาใช้มาตรการ Lockdown ที่ปักกิ่ง Crypto Greed & Fear index ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงเมื่อวานที่ 22 ยังคงเป็นระดับ Fear หรือ กลัว

ประเด็นที่น่าสนใจ

• วุฒิสมาชิกประเทศสหรัฐได้มีการส่งจดหมายถึง Fidelity Investments (หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ให้หยุดการนำเสนอทางเลือการลงทุนใน BTC สำหรับแผนการลงทุนสำหรับการเกษียณอายุ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ FTX ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมยังมีความเสี่ยงสูง (ที่มา: Yahoo)
• ภายหลังจากที่ Grayscale ประกาศว่าจะไม่เปิดเผยเงินทุนสำรอง (Proof-of-Reserve) บนประเด็นเรื่องความปลอดภัย ทาง Coinbase ซึ่งเป็น Custody ของ Grayscale ก็ได้ออกมายืนยันว่าทาง Grayscale ได้มีการฝาก BTC ตามจำนวนที่แจ้งไว้กับนักลงทุนจริง โดยปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 635,000 BTC แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดย Discount นั้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 45% จากก่อนหน้านี้ที่ 43% (ที่มา: Coinbase, Ycharts)
• มีกระแสข่าวออกมาว่า Genesis Crypto platform ทีให้บริการ Broker/dealer รวมถึง Custodian มีแผนที่จะยื่นขอล้มละลายภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ประกาศหยุดในบริการถอนเงินของฝั่งธุรกิจปล่อยกู้ (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเป็นภาพของการปรับตัวลดลงโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 2.6% อยู่ที่ US$16,267 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 5% อยู่ที่ US$1,141 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.01% โดยนักลงทุนยังคงอยู่ในสถานะของการติดตามผลกระทบต่อเนื่องของกรณี FTX อยู่ โดยก็ยังคงมีประเด็นต่างๆเกิดขึ้นต่อเนื่องภายหลังจากที่มีการประกาศล้มละลายลงไป Sentiment ของนักลงทุนก็ยังคงดูเปราะบาง โดย Crypto Greed & Fear index มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาอยู่ที่ 21 จาก 23 ยังคงอยู่ในระดับ Fear หรือ ระดับกลัว โดยถ้าดูตั้งแต่ต้นปีตัวเลขนี้เคยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 5 ตอนที่เกิดกรณี Celsius

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chiliz (CHZ) ซึ่งมีคุณสมบัติในการที่ใช้ไปแลกเหรียญ Fan token ของทีมฟุตบอลต่างๆที่เป็น Partner กับทาง Platform ในการโหวตกิจกรรมต่างๆของสโมสร ราคาปรับตัวลดลง 19.7% ใน 1 วันที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดใน 26 เหรียญบน InnovestX โดยคาดว่าเป็นผลจากการที่ถูกขายทำกำไรภายหลังจากที่การแข่งขันฟุตบอลโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ถึงแม้ว่าทีมชาติ Portugal จะมีการเปิดโหวตในกิจกรรมของทีมให้กับผู้ถือเหรียญ Fan token ของทีม โดยก่อนหน้านี้เหรียญ CHZ เองได้มีแรงเก็งกำไรก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลโลก (ที่มา: Coinmarketcap, Socios.com)
• Grayscale Bitcoin Trust กองทุนใหญ่ที่สุดในโลกที่ลงทุนใน BTC และสามารถให้นักลงทุนเฉพาะกลุ่มเข้าลงทุนได้ มูลค่า NAV ปัจจุบันมีส่วนลดจากราคา BTC ถึง 43% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดใหม่ เกิดขึ้นพร้อมกับการที่ทาง Grayscale ออกมาชี้แจงว่าจะไม่เปิดเผยเงินทุนสำรองของกองทุน (Proof-of-Reserve) โดยให้เหตุผลถึงปัญหาด้านความปลอดภัย (ที่มา: Coindesk)
• ฃเหรียญ ETH ที่คาดว่าถูก Hack ออกจาก FTX หลังจากถูกประกาศล้มละลายได้มีการถูกทยอยขายออกมา (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาเป็นภาพของการแกว่งตัวในกรอบแคบแบบผสมผสานโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ US$16,695 และ Ethereum (ETH) ลดลง 1.2% อยู่ที่ US$1,201 โดยดัชนี NASDAQ ปิดลบเล็กน้อยที่ 0.4% โดยนักลงทุนยังคงอยู่ใน Wait-and-see mode เพื่อรอดูผลกระทบต่อเนื่องจากกรณี FTX รวมถึงท่าทีของทาง Regulator ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ Crypto Greed & Fear index ดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 23 ซึ่งเป็นระดับ Fear จาก 20 ในวันก่อนหน้าที่เป็นระดับ Extreme fear

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เมื่อคืนที่ผ่านมามี Crypto exchange หลายที่ รวมถึง Binance ที่เป็นใหญ่ที่สุดในโลกประกาศหยุดรับฝากเหรียญ USDT และ USDC ที่มาจาก Solana chain โดยไม่ได้ระบุถึงสาเหตุ แต่ภายหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงทาง Binance ได้ประกาศรับฝากเหรียญ USDT จากทาง Solana ได้ปกติแล้ว แต่ในส่วนของ USDC นั้นยังไม่ได้มีการประกาศออกมา (ที่มา: Cryptopotato, Binance)
• ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ FTX ก็เห็นนักลงทุนทยอยถอนเหรียญออกจาก Exchange เพื่อมาเก็บไว้ที่ Wallet ส่วนตัวมาขึ้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณการถอนเหรียญออกจาก Exchange ที่ลดลงถึงแม้ว่าในช่วงต้นสัปดาห์จะมีประเด็นผลกระทบต่อเนื่องจาก FTX ต่อ Crypto platform อื่นๆ แต่อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าความเสี่ยงในเรื่องนี้จะหมดลงไปแล้ว (ที่มา: Coinglass)
• ประธานาธิบดีประเทศ El Salvador ได้มีการประกาศผ่าน Twitter ส่วนตัวว่าทางประเทศ El Salvador จะทยอยซื้อ BTC วันละ 1 เหรียญหลังจากนี้เป็นต้นไป อ้างอิงจากการรายงานก่อนหน้านี้ทาง El Salvador มีการถือครอง BTC ทั้งหมดที่ 2,381 เหรียญ (ที่มา: Cryptopotato)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมากลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้งโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.3% อยู่ที่ US$16,670 และ Ethereum (ETH) ลดลง 2.9% อยู่ที่ US$1,216 ดัชนี NASAQ ปรับตัวลดลง 1.5% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนอกเหนือจากแรงกดดันของ NASDAQ ที่ปรับตัวลดลงจากตัวเลข Retail Sales ของสหรัฐออกมาดีกว่าคาดทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องนโยบายทางการเงินของ Fed อีกครั้งเนื่องจากเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง นอกเหนือจากนี้ตลาด Cryptocurrency เองมีปัจจัยเชิงลบเฉพาะตัว เนื่องจากเริ่มเห็นผลกระทบเชิงลบจากกรณี FTX ต่อ Cryptocurrency platform อื่นๆ Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 20 ซึ่งเป็นระดับ Extreme fear หรือกลัวมากแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจ

• Genesis Crypto platform ทีให้บริการ Broker/dealer Custody และการปล่อยกู้ ประกาศปิดการถอนเงินของธุรกิจการปล่อยกู้จากผลกระทบ FTX โดย ณ สิ้น 3Q22 Genesis มีการปล่อยกู้ไปทั้งหมด US$2.8bn แต่ในส่วน ซื้อ-ขาย Crypto และ Custody ยังคงให้บริการปกติ (ที่มา: Coindesk)
• Gemini Crypto platform ซึ่งให้บริการหลายอย่าง รวมถึง Exchange เป็นอีกหนึ่ง Platform ที่ประกาศปิดการถอนเงินในส่วนของ Genesis earn หรือธุรกิจที่รับฝากเหรียญของลูกค้าและให้ผลตอบแทน แต่ในส่วนของบริการอื่นๆยังคงให้บริการปกติ โดยเป็นผลกระทบต่อเนื่องจาก FTX เช่นกัน (ที่มา: Gemini, CNBC)
• Tether ผู้ออกเหรียญ USDT ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดที่ตรึงมูลค่าไว้ให้เท่ากับ 1 USD ออกมาแถลงว่าทางบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจาก Genesis หรือ Gemini โดยยังคงออกมายืนยันถึงเงินทุนสำรองที่แข็งแกร่ง (ที่มา: Cointelegraph)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% อยู่ที่ US$16,900 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% อยู่ที่ US$1,252 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน 1.5% โดยตลาด Cryptocurrency ได้รับแรงหนุนจากประเด็นเรื่องตัวเลข PPI (Producer Price Index) ของประเทศสหรัฐที่รายงานเมื่อคืนที่ผ่านมาต่ำกว่าคาดทำให้เกิดแรงเก็งกำไรเรื่องการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน และมี Sentiment เชิงบวกเรื่องการที่ Changpeng Zhao (ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ Binance มีการประกาศจับมือกับ Vitalik Buterin (ผู้ก่อตั้งเหรียญ Ethereum) ในการที่จะออกแบบระบบการตรวจสอบเงินทุนสำรองของ Centralized Exchange เพื่อเพิ่มความโปร่งใส

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chiliz (CHZ) ซึ่งมีคุณสมบัติในการนำไปใช้ซื้อเหรียญ Fan token ของทีมฟุตบอลต่างๆที่เป็น Partner กับระบบเพื่อนำไปใช้ในการโหวตกิจกรรมต่างๆของทีมฟุตบอลที่ชื่นชอบ ราคาเหรียญปรับตัวขึ้น 11.7% ใน 1 วันที่ผ่านมาภายหลังจากที่ผู้ก่อตั้ง Chiliz ออกมาพูดผ่าน Twitter ว่าจะช่วยเหลือผู้ถือเหรียญ CHZ ที่ฝากไว้ใน FTX Exchange ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ที่ 38mn CHZ โดยการช่วยเหลือนั้นจะเป็นการนำเหรียญ CHZ ประมาณ 38mn CHZ กระจายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่มูลค่าจะไม่เกิน US$10,000 ต่อ User ทำให้มีแรงเก็งกำไรเหรียญ CHZ ขึ้นมา (ที่มา: Coinmarketcap)
• อ้างอิงจาก Wall Street Journal มีกระแสข่าวออกมาว่า BlockFi (Platform ทำหน้าที่รับฝาก และปล่อยกู้ Cryptocurrency) เตรียมที่จะยื่นขอล้มละลาย ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ประกาศหยุดรับฝากและถอนเงินของลูกค้า (ที่มา: Coindesk)
• ภาพรวม Sentiment ของ Trader ยังคงมีมุมมอง Bearish ต่อแนวโน้มราคา BTC ถึงแม้ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นมาบ้างในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนจาก Funding rates ของ BTC ที่ยังติดลบ (ที่มา: Coinglass)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาฟื้นตัวได้เล็กน้อย โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% อยู่ที่ US$16,609 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.6% อยู่ที่ US$1,242 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 1.1% โดยตลาด Cryptocurrency ได้รับ Sentiment เชิงบวกต่างๆไม่ว่าจะมาจากการที่คุณ Elon Musk ได้มีการโพสผ่าน Twitter ว่า BTC จะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานก็ตาม ประกอบกับทาง Changpeng Zhao (เจ้าของและ CEO ของ Binance) ได้มีการออกมาโพสผ่าน Twitter เช่นเดียวกันว่าเตรียมที่จะจัดตั้งกองทุน Recovery fund ที่ลดผลผลกระทบที่อาจจะเกิดต่อเนื่องจากกรณี FTX

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ XRP ซึ่งมีคุณสมบัติหลักในการโอนเงินไปที่ต่างๆได้รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ปรับตัวขึ้น 10.6% ใน 1 วันที่ผ่านมาถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับ 26 เหรียญที่มีการซื้อขายบน InnovestX โดยมีการเก็งกำไรบนประเด็นเรื่องโอกาสที่จะชนะคดีความกับทาง SEC แต่เบื้องต้นยังไม่เห็นประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเด็นนี้ออกมา (ที่มา: Coinmarketcap)
• จากเหตุการณ์ FTX ก็เกิดกระแสต่างๆนาๆเรื่อง Crypto Exchange อื่นๆที่มีการทำธุรกรรมผิดปกติ เช่นการโอนเหรียญระหว่างกันเพื่อโชว์ในส่วนของเงินทุนว่ามีปริมาณที่มาก ทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยถอนเหรียญมาเก็บไว้ที่ Hardware wallet มากขึ้น โดยแสดงให้เห็นจากปริมาณ BTC ที่อยู่ในทุก Exchange ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา (ที่มา: Cryptopotato)
• อ้างอิงข้อมูลจากทาง Glassnode มีประเด็นที่น่าสนใจคือนักลงทุนรายใหญ่ (ถือมากกว่า 10,000 BTC) ได้มีการทยอยซื้อ BTC เพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ราคาลดลงมา แสดงให้เห็นจากตัวเลข Address ของผู้ถือ BTC ที่มากกว่า 10,000 BTC เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (ที่มา: Coindesk, Glassnode)

ตลาด Cryptocurrency ใน ช่วงวันหยุดที่ผ่านมาปรับตัวลดลง โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 7.1% อยู่ที่ US$16,364 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 5.8% อยู่ที่ US$1,223 ดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% โดยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาตลาด Cryptocurrency ยังคงได้รับแรงกดดันอีกครั้ง โดยล่าสุดทาง FTX ได้มีการยื่นล้มละลายเรียบร้อยแล้ว ทำให้นักลงทุนกลับลดความเสี่ยงอีกครั้งเพื่อรอดู Contagion risk หลังจากนี้ โดยถ้าอ้างอิงจากเหตุการณ์ Celsius โดยนักลงทุนใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการรอดูสถานการณ์ Crypto Greed & Fear index ปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 24 จาก 25 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ภายหลังจากการประกาศล้มละลายของ FTX มีข่าวออกมาว่าทางบริษัทได้ถูก Hack เงินออกไปมากกว่า US$600mn ทันที โดยกำลังอยู่ในช่วงการสืบว่าใครเป็นผู้กระทำครั้งนี้ (ที่มา: Coindesk)
• BlockFi (Platform ที่ทำหน้าที่รับฝาก – ปล่อยกู้ Cryptocurrency) ได้มีการออกมาประกาศผ่าน Twitter ว่าขอระงับการฝากและถอนเงินภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ FTX (ที่มา: Twitter @BlockFi)
• Changpeng Zhao CEO และผู้ก่อนตั้ง Binance ซึ่งเป็น Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะมีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Cryptocurrency ต้องประสบปัญหาเพิ่มเติมอีกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้จากเหตุการณ์ของ FTX โดยเฉพาะบริษัทที่ใกล้ชิดกับ Ecosystem ของ FTX (ที่มา: Financial Times)
• เริ่มเห็นสัญญาณที่ปริมาณ Supply ของ ETH ลดลงภายหลังจาก The Merge ภายหลังจากที่เห็นปริมาณการทำธุรกรรมที่มากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้มีการ Burn หรือลด Supply ของ ETH ที่เร่งตัวขึ้น (ที่มา: Ultrasound.money)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาฟื้นตัวได้โดดเด่นโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.9% อยู่ที่ US$17,613 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.1% อยู่ที่ US$1,299 โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนสองเรื่องคือ 1) ไม่ได้มีพัฒนาการเชิงลบใหม่ๆในประเด็นของ FTX และ 2) ตัวเลข CPI ของประเทศสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อคืนดีกว่าคาดสร้างความคาดหวังเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการการเงินของ Fed ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวโดดเด่นเช่นกันที่ 7.4% แต่ภาพรวมนักลงทุนยังคงไม่ได้ Bullish ใน Cryptocurrency มากแสดงจาก Greed & Fear index ที่ปรับตัวเพิ่มเพียงเล็กน้อยและ Funding rate ยังคงติดลบเนื่องจากยังคงรอดูเรื่อง Contagion risk ในกรณี FTX

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ภายหลังจากที่ราคา BTC ปรับตัวลดลงแรง นักลงทุนเริ่มหันมากังวลในประเด็นเรื่องการถูก Forced sell ของทาง MicroStrategy เนื่องจากบริษัทได้มีการนำ BTC ส่วนนึงไปค้ำประกันไว้เพื่อกู้เงินออกมาลงทุนใน BTC เพิ่มจากธนาคาร Silvergate อ้างอิงจากทางบริษัทต้องเห็นราคา BTC ลดลงอยู่ที่ระดับ US$3,562 ถึงจะเจอความเสี่ยงในเรื่องของการถูก Forced sell เนื่องจากบริษัทยังมี BTC ที่เหลืออีกมากในการที่จะนำไปค้ำประกันเพิ่มได้ (ที่มา: Coindesk, MicroStrategy)
• เมื่อคืนที่ผ่านมานักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเหรียญ USDT ซึ่งเป็น Stablecoin ที่อิงราคากับ USD ที่ใหญ่ที่สุดและโดยบริษัท Tether โดยราคาบางช่วงที่การปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1 USD โดยล่าสุด Tether มีการออกมาชี้แจงว่า 82% ของสินทรัพย์อยู่ในรูปของเงินสดหรือใกล้เคียงเงินสด และเงินฝากระยะสั้น โดยล่าสุดก็กลับมาสู่ภาวะปกติแล้วในเช้านี้ (ที่มา: Cointelegraph)
• มีข่าวลือว่าประเทศ El Salvador นั้นฝากเหรียญทั้งหมดไว้ที่ FTX แต่ท้ายที่สุด CEO Binance ได้ออกมาชี้แจงว่าข่าวนี้ไม่เป็นความจริง (ที่มา: Cointelegraph, Twitter @CZ_Binance)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 14.4% อยู่ที่ US$15,877 และ Ethereum (ETH) ลดลง 17.6% อยู่ที่ US$1,099 ถือว่าเป็นการสร้างจุดต่ำสุดใหม่ของปีเป็นที่เรียบร้อย ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 2.5% ตลาด Cryptocurrency ยังคงได้รับแรงกดดันในประเด็นเรื่อง FTX Exchange อย่างต่อเนื่อง โดยราคาเหรียญ FTT (เหรียญที่ใช้เป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมใน FTX Exchange และเป็นเหรียญที่ออกโดย FTX) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอีก 59% ใน 1 วันที่ผ่านมา Sentiment การลงทุนดู Bearish มากขึ้นสะท้อนจาก Crypto Greed & Fear index ลดลงอยู่ที่ 22 จาก 29 ประกอบกับ Funding rate ของ BTC อยู่ในระดับที่ติดลบสูงมาก

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ทาง Binance ได้มีการประกาศผลของการทำ Due Diligence ของ FTX โดยระบุว่าทาง Binance ตัดสินใจที่จะไม่เดินหน้าต่อในการเข้าซื้อกิจการ FTX โดยให้เหตุผลทางการการบริหารจัดการทรัพย์สินของลูกค้า และเรื่องประเด็นที่อาจจะต้องดู US agency สอบสวน (ที่มา: Coindesk, Twitter @Binance)
• ภายหลังจากที่ Binance ตัดสินใจไม่เดินหน้าต่อ ก็มีกระแสข่าวออกมาทันทีว่าทาง FTX อาจจะต้องยื่นล้มละลาย ถ้าดูจากใน Book ของบริษัท ทางบริษัทมี Shortfall หรือ ต้องการเงิน US$8bn โดยตัวเลขอ้างอิงมาจาก Bloomberg โดยล่าสุด Website ของ FTX.com ได้มีการประกาศการถอนเงินและแนะนำในเรื่องของการนำเงินไปฝาก รวมถึงการเปิดบัญชีใหม่เช่นกัน รวมถึง Alameda-research.com ก็เปิดเป็น Private เช่นกัน แต่ในส่วนของ FTX.us ยังสามารถให้บริการได้ปกติ (ที่มา: Coindesk)
• วันนี้จะมีตัวเลข CPI ที่ประเทศสหรัฐประกาศในวันพฤหัสโดยตลาดคาดว่าจะสูงขึ้น 0.6% MoM และ 8% YoY โดยอาจจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เข้ามาเพิ่มความผันผวนของตลาดได้ (ที่มา: Investing.com)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 10.2% อยู่ที่ US$18,509 และ Ethereum (ETH) ลดลง 15.2% อยู่ที่ US$1,330 ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมายังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องจากประเด็นความกังวลเรื่องสภาพคล่องของ FTX Exchange ซึ่งเป็น Cryptocurrency exchange ใหญ่ลำดับต้นๆของโลกตามปริมาณการซื้อขาย และ Alameda Research (บริษัท Cryptocurrency trading) โดยทั้งสองบริษัทมีผู้ก่อตั้งคนเดียวกันคือคุณ Sam Bankman-Fried แต่เริ่มเห็นสัญญาณ Greed & Fear index ที่ปรับตัวลดลงด้วยอัตราที่ช้าลงเมื่อคืนที่ผ่านมาจาก 31 มาอยู่ที่ 29

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ FTX Token (FTT) ใน 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 75.5% จากความกังวลเรื่องปัญหาสภาพคล่องของ FTX Exchange ภายหลังจากที่เห็นปริมาณการถอนเหรียญออกจาก Exchange ที่สูงมากโดยมีการถอน BTC ออกจาก FTX กว่า 20,000 BTC หรือปริมาณเกือบทั้งหมดที่ FTX มีก่อนหน้านี้ รวมถึงเมื่อคืนที่ผ่านมามีกระแสข่าวจากทาง The Block มีการระบุว่าทาง FTX ได้มีการประกาศหยุดถอนเงิน เนื่องจากเหรียญ FTT ใช้ในการเป็นส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายบน FTX Exchange ถ้าในกรณีที่เกิดปัญหากับ Exchange ประโยชน์ในการถือเหรียญ FTT นั้นก็จะลดลง (ที่มา: Coinmarketcap, The Block, Coinglass)
• Changpeng Zao (ผู้ก่อตั้ง Binance ซึ่งเป็น Cryptocurrency ที่ใหญ่สุดในโลก) ประกาศเข้าซื้อกิจการ FTX Exchange แบบ Non-binding agreement หมายความว่า Binance สามารถยกเลิกได้ แต่นักลงทุนยังคงกังวลว่าจะเข้าซื้อ Alameda Research ด้วยไหม แล้วถ้า Binance ซื้อ FTX แล้วจะปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของเหรียญ FTT หรือไม่ (ที่มา: Coindesk)
• Funding rate ของ BTC นั้นยังเป็นบวกอยู่แสดงให้เห็นถึง Sentiment ของ Trader ที่ยังเป็นบวก (ที่มา: Coinglass)

ตลาด Cryptocurrency ใน 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยโดยราคา Bitcoin (BTC) ลดลง 1.5% อยู่ที่ US$20,620 และ Ethereum (ETH) ลดลงเช่นกันที่ 0.2% อยู่ที่ US$1,569 โดยนักลงทุนยังคงเฝ้ารอดูความชัดเจนของตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะประกาศในวันพฤหัสนี้ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมามีกระแสข่าวเรื่อง FTX (Cryptocurrency exchange ที่ใหญ่ลำดับต้นๆของโลก) มีโอกาสที่จะล้มละลายภายหลังจากที่ Binance ได้มีการทยอยขายเหรียญออกมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาเช่นกัน แต่ทาง CEO ของ FTX ได้ออกชี้แจงว่าข่าวนี้ไม่เป็นจริง โดยประเด็นนี้สะท้อนความกังวลของนักลงทุนจากการที่ Greed & Fear index ปรับตัวลงจาก 40 อยู่ที่ 31 ดัชนี NASDAQ เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ 0.85%

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chainlink (LINK) ปรับตัวได้โดดเด่นในช่วง 1 วันที่ผ่านมาโดยปรับตัวขึ้นกว่า 10.4% โดดเด่นที่สุดใน 21 เหรียญที่ซื้อ-ขายบน InnovestX ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศการให้บริการเพิ่มเติมกับลูกค้าอีก 14 ราย โดยคุณสมบัติของ Chainlink คือการนำข้อมูลภายนอกเช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น มาเชื่อมต่อกับ Blockchain โดยจะคิดค่าบริการด้วยเหรียญ LINK จากผู้ใช้งาน (ที่มา: Chainlink)
• ทางคุณ Vitalik Buterin หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ethereum ได้มีการออกมาพูดถึง Roadmap ในการ Update Ethereum chain ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายหลังจากการทำ The Merge (การเปลี่ยนจากวิธีตรวจสอบธุรกรรมเป็น Proof-of-Stake จาก Proof-of-Work) โดยหลังจากนี้จะเป็นการ Update ที่เรียกว่า The Surge หรือการที่จะทำให้การทำธุรกรรมนั้นรวดเร็วขึ้นโดยได้มีการระบุว่าจะสามารถรองรับได้ถึง 100,000 ธุรกรรมต่อวินานี แต่ในส่วนของ Timeline นั้นยังไม่ได้มีการประกาศออกมาว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ (ที่มา: Twitter @VitalikButerin)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 3.6% อยู่ที่ US$20,933 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5% อยู่ที่ US$1,571 โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี NASDAQ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.28% โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่หนึ่งใน Fed member ออกมาพูดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ Fed จะคิดเรื่องการหยุดขึ้นดอกเบี้ยถึงแม้ว่าอาจจะเกิดขึ้นในอีก 1 ปีนับจากนี้ โดยสัปดาห์นี้เองนักลงทุนคงต้องติดตามตัวเลข CPI เดือนตุลาคมของประเทศสหรัฐที่จะประกาศในวันพฤหัสนี้ ซึ่งจะเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดในช่วงปลายสัปดาห์ได้

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chiliz (CHZ) ยังคงปรับตัวขึ้นสวนตลาดในช่วง 1 วันที่ผ่านมาสวนทางกับ 21 เหรียญบน InnovestX โดยยังคงเป็นประเด็นการเก็งกำไรเรื่องการแข่งขัน FIFA World Cup 2022 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 พ.ย. นี้ถึงแม้ว่า ณ ปัจจุบันเองเรายังไม่เห็นทีม Argentina และ Portugal ซึ่งเป็น Partner กับ Chiliz มีการเปิด Vote ให้กับผู้ถือเหรียญ (ที่มา: Coinmarketcap, Chiliz)
• ทาง New York Fed ได้มีการระบุว่าได้มีการทดสอบการใช้งาน CBDC (Central Bank Digital Currency) โดยผลการทดสอบออกมาว่าสามารถทำให้การโอนเงินข้ามประเทศลดเวลาเหลือเพียง 10 วินาที จาก 2 วันในปัจจุบัน (ที่มา: Coindesk)
• Binance ประกาศสนับสนุน Mastercard Credit/Debit cards ที่ออกใน UK และ EEA (เขตเศรษฐกิจยุโรป) โดยผู้ใช้งานที่ผ่านการตรวจสอบบัญชีเรียบร้อยแล้วสามารถที่จะขาย Cryptocurrencies ที่มีอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นเงินสดและสามารถโอนไปยังบัตร Credit/Debit ที่มีอยู่ได้ทันที (ที่มา: Binance)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.3% อยู่ที่ US$20,211 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% อยู่ที่ US$1,532 โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 1.73% โดยตลาด Cryptocurrency เมื่อคืนที่ผ่านมาถือว่าปรับได้แข็งแกร่งกว่า NASDAQ โดยสิ่งที่สังเกตเห็นได้คือ Sentiment ด้านการลงทุนของ Cryptocurrency หรือตัว Greed & Fear index ในช่วงสองวันที่ผ่านมาทรงตัวได้ที่ระดับ 30 ทั้งๆที่ราคาได้มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงสองวันที่ผ่านมา โดยมีความเป็นไปได้ว่าราคา BTC ที่ต่ำกว่าระดับ US$20,000 นั้นนักลงทุนเริ่มมองว่ามี Downside ที่จำกัด

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ทาง CryptoCompare ได้มีการเปรียบเทียบ Bear market รอบนี้กับรอบปี 2017-18 ว่ามีความแตกต่างกันตรงที่ว่ารอบนี้เองเห็นได้ชัดว่านักลงทุนทยอยซื้อ BTC เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวลงแทนที่จะขายแบบในอดีต โดยเฉพาะบัญชีที่ถือมากกว่า 10,000 BTC นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนพฤษภาที่ผ่านมาซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะมาจากการเข้าลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่มากขึ้น โดยสิ่งนี้เองอาจจะต้องคำถามที่ว่าทำไมช่วงที่ผ่านมานั้นความผันผวนของ BTC นั้นลดลง (ที่มา: Coindesk)
• Fidelity Investments เตรียมที่จะเปิดให้บริการซื้อ-ขาย Cryptocurrency ในกับนักลงทุนรายย่อย พร้อมกับไม่คิดว่าธรรมเนียมการซื้อ-ขายเหรียญ BTC และ ETH อีกด้วยแต่จะมีการเก็บค่า Spread ที่ 1% โดยทาง Fidelity ยังคงให้ความสำคัญในการเปิดให้บริการเกี่ยวกับ Crypto อย่างต่อเนื่องโดยก่อนหน้านี้ได้มีการเสนอบริการนี้ให้กับนักลงทุนสถาบันไปแล้ว (ที่มา: Coindesk)
• Bloomberg รายงานว่าทาง Zipmex อยู่ระหว่างการคุยเรื่องการขายกิจการให้กับทาง V Ventures ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TTA (ที่มา: Bloomberg)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงโดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 1.6% อยู่ที่ US$20,159 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 3.9% อยู่ที่ US$1,518 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 3.36% โดยผลการประชุม Fed เมื่อคืนที่ผ่านมาขึ้นดอกเบี้ย 75bps ตามคาดแต่มีการส่งสัญญาณว่า Rate hike cycle อาจจะยาวกว่าที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้ และมีการออกมาพูดว่าอาจจะเร็วเกินไปที่จะคิดถึงการหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ Reaction ของ Bond yield 2 ปีสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมาเนื่องจากก่อนหน้านี้นักลงทุนมีความคาดหวังว่า Fed จะส่งสัญญาณที่ Dovish มากขึ้นในเรื่องของนโยบายทางการเงิน

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Chiliz (CHZ) ปรับตัวขึ้น 5.2% สวนทางกับ 21 เหรียญที่มีการซื้อ-ขายบน InnovestX โดยล่าสุดมีแรงเก็งกำไรเกี่ยวกับงาน FIFA World cup 2022 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20 พ.ย. นี้ โดยทีมฟุตบอลที่เป็น Partner กับทาง Chiliz คือทีมชาติ Argentina และ Portugal ซึ่งทั้งสองทีมเข้ารอบไปแข่งฟุตบอลโลกรอบนี้ด้วย โดยคุณสมบัติของเหรียญ CHZ คือนำไปซื้อ Fan token เพื่อใช้โหวตในกิจกรรมต่างๆของทีมฟุตบอลได้ เป็นต้น แต่เบื้องต้นเรายังไม่ได้เห็นทั้งสองทีมเปิด Vote อะไรเพื่อให้ผู้ถือเหรียญมา Vote ประกอบกับ Reaction ของราคาเหรียญ Fan token ของทีม Argentina และ Portugal เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่ได้ปรับตัวร้อนแรงเท่า CHZ ด้วยเช่นกัน (ที่มา: Coinmarketcap, Chiliz)
• ยังคงเห็นการนำ BTC มาใช้จ่ายในชีวิตจริงได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องล่าสุดเครือข่าย Supermarket ที่ใหญ่สุดสุดใน South Africa ชื่อ Pink n Pay ได้มีการประกาศให้ลูกค้าสามารถนำ BTC มาใช้ชำระค่าสินค้าได้โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 39 สาขาที่ยอมรับและมีแผนที่จะครอบคลุมจำนวนสาขาทั้งหมดในเร็วๆนี้ที่มีอยู่ 1,628 สาขา (ที่มา: Coindesk)

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวอยู่ในกรอบแคบแบบผสมผสาน โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.1% อยู่ที่ US$20,483 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.4% อยู่ที่ US$1,579 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลง 0.89% โดยเมื่อคืนที่ผ่านมามีการรายงานตัวเลขด้านตลาดตลาดแรงงานที่ประเทศสหรัฐ โดยออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดถึงแม้ Fed ได้มีนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความคาดหวังที่ Fed จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นมีความเสี่ยงมากขึ้น ประกอบกับวันนี้จะมีการประชุม Fed ด้วยเช่นกันทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนในประเด็นนี้เช่นกัน

ประเด็นที่น่าสนใจ

• ติดตามการประชุม Fed ในวันนี้โดยตลาดคาดว่าจะปรับขึ้น 75bps แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือ Statement หลังจากการประชุมรวมถึง Dot plot ว่าจะมีการส่งสัญญาณเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยที่ผ่านมานักลงทุนคาดหวังว่าจะผ่อนคลายลง โดย Indicator ที่ต้องจับตาหลังการแถลงคือ Bond yield 2 ปีของสหรัฐว่าจะตอบสนองไปในทิศทางไหน (ที่มา: Investing)
• Binance เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนการซื้อ Twitter ครั้งนี้โดยใช้เงินลงทุนไป US$500mn โดยทางเจ้าของ Binance ระบุถึงเหตุผลในการเข้าซื้อว่า เค้ามองว่า Twitter หลังจากนี้จะเป็น Platform ที่ดีขึ้นมากรวมถึงการยอมรับ Crypto นอกจากนี้ CTO ของ Binance ยังมีการออกมาพูดว่าพร้อมที่จะทำงานร่วมกับ Twitter ในการที่จะแก้ปัญหาของ Platform ไม่ว่าจะเป็นในประเด็นของ non-fungible token, การตรวจสอบตัวตนของผู้ใช้งาน รวมถึงการนำ Platform มาใช้เป็นระบบการชำระเงินสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าไม่มาก โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาทางคุณ Elon Musk ได้มีการ Post รูปหมาที่เป็น Logo Dogecoin (DOGE) ลง Twitter เช่นกัน ทำให้ราคา DOGE ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 12.3% ใน 1 วันที่ผ่านมา (ที่มา: Coinmarketcap, Cryptopotato, Coindesk)

สรุปภาพตลาด

ตลาด Cryptocurrency ในช่วง 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวลดลง 0.7% อยู่ที่ US$20,483 และ Ethereum (ETH) ปรับตัวลดลง 1.2% อยู่ที่ US$1,571 โดยดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเช่นกันที่ 1.03%% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเริ่มเห็นสัญญาณที่นักลงทุนชะลอการลงทุนลงเพื่อรอดูผลของการประชุม Fed ในสัปดาห์นี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรโดยตลาดคาดหวังว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ที่ 75bps แต่สิ่งที่ต้องติดตามคือ Statement หลังการประชุมและ Dot Plot ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากรอบก่อนหน้าหรือไม่ Greed & Fear index ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามการปรับตัวลดลงของตลาดสะท้อนภาพการชะลอการลงทุนเช่นกัน

ประเด็นที่น่าสนใจ

• เหรียญ Dogecoin (DOGE) ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องโดย 1 วันที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 7.8% โดยเราลองไปดูในส่วนของ Funding rate ของ Future contract นั้นยังคงเห็นสัญญาณที่ Trader ยังมี Bullish sentiment ในระยะสั้นเนื่องจาก Funding rate ยังคงเป็นบวกได้ต่อเนื่องถึงแม้ราคาช่วงที่ผ่านมาจะปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยการที่ Funding rate เป็นบวกนั้นแสดงให้เห็นถึง Sentiment การลงทุนที่เป็นบวกเนื่องจากคนที่ถือ Long position ต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับฝั่ง Short position โดยสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามคือเรื่องของการประกาศอย่างเป็นทางการว่าทาง Twitter จะนำเหรียญ DOGE ไปทำอะไร โดย ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการประกาศอะไรออกมา (ที่มา: Coinmarketcap, Coinglass)
• Charles Schwab บริษัทจัดการกองทุนประเทศสหรัฐทำการ Survey ด้านการวางแผนการเกษียณ โดยผู้สำรวจทั้งหมดอยู่ที่ 1,100 คน โดย 45% ของ Gen Y และ 46% ของ Gen Z ต้องการจะลงทุนใน Cryptocurrency ในแผนการเกษียณอายุ (401k) โดย 47% ของ Gen Y และ 43% ของ Gen Z ได้มีการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้เรียบร้อยแล้ว (ที่มา: Cryptopotato)